การพัฒนาหนังสือความจริงเสริม เรื่อง มาตราตัวสะกด
การพัฒนาหนังสือความจริงเสริม เรื่อง มาตราตัวสะกด สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ผู้วิจัย นางสาวสุภาพร สิทธิ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาหนังสือความจริงเสริม เรื่อง มาตราตัวสะกด สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีคุณภาพในระดับดีตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญและประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบคะแนนทดสอบก่อนเรียนและคะแนนทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยหนังสือความจริงเสริม และ 3) เพื่อสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อหนังสือความจริงเสริม
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2
ปีการศึกษา 2564 โรงเรียนบ้านซับชมภู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์ เขต 3 จำนวน 15 คน โดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ หนังสือความจริงเสริม เรื่อง มาตราตัวสะกด แบบประเมินคุณภาพสำหรับผู้เชี่ยวชาญ แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ t-test
ผลการวิจัยพบว่า 1) หนังสือความจริงเสริม เรื่อง มาตราตัวสะกด ที่พัฒนาขึ้นมีคุณภาพ
ด้านเนื้อหา อยู่ในระดับดี มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.46 ด้านสื่อการเรียนรู้อยู่ในระดับดีมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.55 และประสิทธิภาพเท่ากับ 84.33/86.67 2) คะแนนทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
ของนักเรียนที่เรียนด้วยหนังสือความจริงเสริมสูงกว่าคะแนนทดสอบก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 3) ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อหนังสือความจริงเสริม อยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.46
ผู้วิจัย นางสาวสุภาพร สิทธิ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาหนังสือความจริงเสริม เรื่อง มาตราตัวสะกด สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีคุณภาพในระดับดีตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญและประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบคะแนนทดสอบก่อนเรียนและคะแนนทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยหนังสือความจริงเสริม และ 3) เพื่อสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อหนังสือความจริงเสริม
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2
ปีการศึกษา 2564 โรงเรียนบ้านซับชมภู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์ เขต 3 จำนวน 15 คน โดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ หนังสือความจริงเสริม เรื่อง มาตราตัวสะกด แบบประเมินคุณภาพสำหรับผู้เชี่ยวชาญ แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ t-test
ผลการวิจัยพบว่า 1) หนังสือความจริงเสริม เรื่อง มาตราตัวสะกด ที่พัฒนาขึ้นมีคุณภาพ
ด้านเนื้อหา อยู่ในระดับดี มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.46 ด้านสื่อการเรียนรู้อยู่ในระดับดีมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.55 และประสิทธิภาพเท่ากับ 84.33/86.67 2) คะแนนทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
ของนักเรียนที่เรียนด้วยหนังสือความจริงเสริมสูงกว่าคะแนนทดสอบก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 3) ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อหนังสือความจริงเสริม อยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.46