การพัฒนากิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้กิจกรรมการจัดการเรียนรู้แบบ
ชื่อเรื่อง การพัฒนากิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้กิจกรรมการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ
ที่เน้นทักษะปฏิบัติ เรื่อง เพิ่มพูนทักษะกีฬากรีฑา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและ
พลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ผู้ศึกษา ปิยชาติ พร้อมใจ
ปีการศึกษา 2563
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้ มีความมุ่งหมาย (1) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือที่เน้นทักษะปฏิบัติ เรื่อง เพิ่มพูนทักษะกีฬากรีฑา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (2) เพื่อเปรียบเทียบทักษะปฏิบัติของนักเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียน ด้วยกิจกรรมการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือที่เน้นทักษะปฏิบัติ เรื่อง เพิ่มพูนทักษะกีฬากรีฑา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 (3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียน ด้วยกิจกรรมการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือที่เน้นทักษะปฏิบัติ เรื่อง เพิ่มพูนทักษะกีฬากรีฑา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และ (4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ที่เรียนด้วยกิจกรรมการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือที่เน้นทักษะปฏิบัติ เรื่อง เพิ่มพูนทักษะกีฬากรีฑา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/1 โรงเรียนกุงเจริญพิทยาคม อำเภอศรีธาตุ จังหวัดอุดรธานี สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 25 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยกิจกรรมการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือที่เน้นทักษะปฏิบัติ แบบประเมินทักษะปฏิบัติ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง เพิ่มพูนทักษะกีฬากรีฑา และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยกิจกรรมการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือที่เน้นทักษะปฏิบัติ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าเฉลี่ย (Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) และร้อยละ(Percentage) และใช้สถิติทดสอบที (t-test) แบบกลุ่มไม่เป็นอิสระต่อกัน (Dependent Sample)
ผลการศึกษา พบว่า
1. ประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือที่เน้นทักษะปฏิบัติ เรื่อง เพิ่มพูนทักษะกีฬากรีฑา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 94.90/87.90 สูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้
2. ผลการเปรียบเทียบทักษะปฏิบัติของนักเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือที่เน้นทักษะปฏิบัติ เรื่อง เพิ่มพูนทักษะกีฬากรีฑา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 พบว่า นักเรียนมีทักษะปฏิบัติหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียน และหลังเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือที่เน้นทักษะปฏิบัติ เรื่อง เพิ่มพูนทักษะกีฬากรีฑา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. ความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนด้วยกิจกรรมการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือที่เน้นทักษะปฏิบัติ เรื่อง เพิ่มพูนทักษะกีฬากรีฑา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยรวม นักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด
ที่เน้นทักษะปฏิบัติ เรื่อง เพิ่มพูนทักษะกีฬากรีฑา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและ
พลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ผู้ศึกษา ปิยชาติ พร้อมใจ
ปีการศึกษา 2563
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้ มีความมุ่งหมาย (1) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือที่เน้นทักษะปฏิบัติ เรื่อง เพิ่มพูนทักษะกีฬากรีฑา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (2) เพื่อเปรียบเทียบทักษะปฏิบัติของนักเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียน ด้วยกิจกรรมการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือที่เน้นทักษะปฏิบัติ เรื่อง เพิ่มพูนทักษะกีฬากรีฑา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 (3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียน ด้วยกิจกรรมการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือที่เน้นทักษะปฏิบัติ เรื่อง เพิ่มพูนทักษะกีฬากรีฑา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และ (4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ที่เรียนด้วยกิจกรรมการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือที่เน้นทักษะปฏิบัติ เรื่อง เพิ่มพูนทักษะกีฬากรีฑา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/1 โรงเรียนกุงเจริญพิทยาคม อำเภอศรีธาตุ จังหวัดอุดรธานี สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 25 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยกิจกรรมการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือที่เน้นทักษะปฏิบัติ แบบประเมินทักษะปฏิบัติ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง เพิ่มพูนทักษะกีฬากรีฑา และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยกิจกรรมการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือที่เน้นทักษะปฏิบัติ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าเฉลี่ย (Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) และร้อยละ(Percentage) และใช้สถิติทดสอบที (t-test) แบบกลุ่มไม่เป็นอิสระต่อกัน (Dependent Sample)
ผลการศึกษา พบว่า
1. ประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือที่เน้นทักษะปฏิบัติ เรื่อง เพิ่มพูนทักษะกีฬากรีฑา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 94.90/87.90 สูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้
2. ผลการเปรียบเทียบทักษะปฏิบัติของนักเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือที่เน้นทักษะปฏิบัติ เรื่อง เพิ่มพูนทักษะกีฬากรีฑา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 พบว่า นักเรียนมีทักษะปฏิบัติหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียน และหลังเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือที่เน้นทักษะปฏิบัติ เรื่อง เพิ่มพูนทักษะกีฬากรีฑา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. ความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนด้วยกิจกรรมการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือที่เน้นทักษะปฏิบัติ เรื่อง เพิ่มพูนทักษะกีฬากรีฑา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยรวม นักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด