LASTEST NEWS

25 พ.ย. 2567ล 1932/2567 หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู และที่แก้ไขเพิ่มเติม 25 พ.ย. 2567สพป.ฉะเชิงเทรา เขต 2 เรียกบรรจุครูผู้ช่วย จำนวน 81 อัตรา - รายงานตัว 28 พ.ย. 2567 25 พ.ย. 2567สพป.สมุทรสาคร เรียกบรรจุครูผู้ช่วย 14 อัตรา รายงานตัว 3 ธันวาคม 2567 24 พ.ย. 2567โรงเรียนเมืองสุรินทร์ รับสมัครครูอัตราจ้าง 2 อัตรา ตั้งแต่วันที่ 25-27 พฤศจิกายน 2567 24 พ.ย. 2567โรงเรียนบ้านระไซร์(เด่นพัฒนา) รับสมัครครูอัตราจ้าง วุฒิปริญญาตรี เงินเดือน 7,000.- บาท  24 พ.ย. 2567สพป.เพชรบุรี เขต 2 เรียกบรรจุครูผู้ช่วย 11 อัตรา - รายงานตัว 4 ธันวาคม 2567 24 พ.ย. 2567โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา รับสมัครครูอัตราจ้างงานแนะแนว จำนวน 1 อัตรา เงินเดือน 15,000.- บาท ตั้งแต่บัดนี้ - 29 พ.ย.2567 23 พ.ย. 2567วิทยาลัยอาชีวศึกษาชลบุรี รับสมัครครูอัตราจ้าง 3 อัตรา ตั้งแต่บัดนี้ - 29 พ.ย.2567 23 พ.ย. 2567โรงเรียนตากพิทยาคม รับสมัครครูอัตราจ้าง วิชาเอกวิทยาศาสตร์ จำนวน 1 อัตรา ตั้งแต่ 23 พ.ย.-16 ธ.ค.2567 23 พ.ย. 2567สพป.อำนาจเจริญ รับสมัครพนักงานราชการ ตำแหน่งพี่เลี้ยง 5 อัตรา วุฒิม.3-ปวส.ทุกสาขา เงินเดือน 10,430-13,800 บาท สมัครระหว่างวันที่ 2-12 ธันวาคม 2567

รูปแบบการเรียนการสอนศิลปะตามแนวคิดสะตีมศึกษา เพื่อเสริมสร้างกระบ

usericon

ชื่อเรื่อง รูปแบบการเรียนการสอนศิลปะตามแนวคิดสะตีมศึกษา เพื่อเสริมสร้างกระบวนการสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
ชื่อผู้วิจัย    นายศักดิ์ดา รุญจำรัส ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
    โรงเรียนเทศบาล ๔ หนองแคอนุสรณ์ สังกัดเทศบาลตำบลหนองแค อำเภอหนองแค     
    จังหวัดสระบุรี
ปีที่วิจัย    ปีการศึกษา 2563

บทคัดย่อ

    การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research& Development ) มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนศิลปะตามแนวคิดสะตีมศึกษา เพื่อเสริมสร้างกระบวนการสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนศิลปะตามแนวคิดสะตีมศึกษา เพื่อเสริมสร้างกระบวนการสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการเรียนการสอนศิลปะตามแนวคิดสะตีมศึกษา เพื่อเสริมสร้างกระบวนการสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 4) เพื่อประเมินผลการใช้รูปแบบการเรียนการสอนศิลปะตามแนวคิดสะตีมศึกษา เพื่อเสริมสร้างกระบวนการสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 แหล่งข้อมูล/กลุ่มเป้าหมายตามวัตถุประสงค์การวิจัยขั้นตอนที่ 1 ได้แก่ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ ทฤษฎีการเรียนรู้ ได้แก่ ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์นไดค์ (Thorndike’s Classical Connectionism) และทฤษฎีการสร้างความรู้ของ (Constructivist Learnink Theory) และทฤษฎีการรียนรู้ของรอเจอร์ แนวคิดสะตีมศึกษา และแนวคิดกระบวนการสร้างสรรค์และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนศิลปะตามแนวคิดสะตีมศึกษา การศึกษาความต้องการจัดการเรียนการสอนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 30 คน การสัมภาษณ์อย่างไม่เป็นทางการครูหัวหน้างานวิชาการโรงเรียนและครูหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ จำนวน 2 คน และประเด็นการสนทนาอย่างไม่เป็นทางการของครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ จำนวน 2 คน แหล่งข้อมูล/กลุ่มเป้าหมายตามวัตถุประสงค์ของการวิจัยขั้นตอนที่ 2 ได้แก่ การวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานในขั้นตอนที่ 1 ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 คน ในการตรวจสอบความเหมาะสม/สอดคล้อง และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 30 คน ที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง แหล่งข้อมูล/กลุ่มตัวอย่างตามวัตถุประสงค์ของการวิจัยขั้นตอนที่ 3 และ 4 ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนเทศบาล ๔ หนองแคอนุสรณ์ สังกัดเทศบาลตำบลหนองแค อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี จำนวน 35 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling ) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) คู่มือการใช้รูปแบบการเรียนการสอน 2) แผนการจัดการเรียนรู้ 3) แบบประเมินกระบวนการสร้างสรรค์ 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนศิลปะ และ 5) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้รูปแบบการเรียนการสอน การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปและการคิดวิเคราะห์เนื้อหา(content analysis) สถิติที่ใช้ได้แก่การหาค่าเฉลี่ย ( ) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และค่าที (t-test dependent )

ผลการวิจัย
1.    ข้อมูลพื้นฐานสำหรับการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนศิลปะตามแนวคิดสะตีมศึกษา เพื่อเสริมสร้างกระบวนการสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่า ข้อมูลพื้นฐานโดยภาพรวมมีความเหมาะสม/สอดคล้องและเพียงพอกับการศึกษา เป็นไปตามสมมติฐานการวิจัยข้อที่ 1 โดยจุดมุ่งหมายของหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มีเป้าหมายการของการจัดศึกษาศิลปะ คือ พัฒนาผู้เรียนให้มีความเข้าใจ มี่ทักษะวิธีการทางศิลปะและซาบซึ้งในคุณค่าศิลปะ และจากศึกษาความต้องการของนักเรียนต่อการจัดการเรียนการสอน พบว่า ต้องการให้พัฒนาการจัดการเรียนการสอนที่เน้นการปฏิบัติจริง ในส่วนของครูหัวหน้างานวิชาการโรงเรียนและครูหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ และครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ มีความคิดเห็นซึ่งสอดคล้องกันว่า ควรส่งเสริมให้นักเรียนได้ใช้จินตนาการในการเรียนรู้ผ่านกระบวนการสร้างสรรค์ที่เน้นความเป็นไทยที่เชื่อมโยงกับความรู้ในแต่ละสาขาวิชาที่สัมพันธ์กัน
2.    ผลการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนศิลปะตามแนวคิดสะตีมศึกษาเพื่อเสริมสร้างกระบวน การสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่า รูปแบบการเรียนการสอน (4CR Model ที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วยกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 การนำเสนอเนื้อหา (Context Presentation: C ) ขั้นตอนที่ 2 การสร้างความรู้ (Construction: C) ขั้นตอนที่ 3 การถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์ (Creative Expression: C) ขั้นตอนที่ 4 การสรรค์สร้างผลงาน (Creation of works: C) และขั้นตอนที่ 5 การสะท้อนความคิด (Reflection: R) มีความเหมาะสม/สอดคล้องตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ 5 คน โดยมีค่าความเหมาะสมสอดคล้องมีค่าเฉลี่ย ( ) เท่ากับ 4.75 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) 0.43 และจากการหาประสิทธิภาพโดยนำไปทดลองใช้ (Tyout) กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 ที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 30 คน พบว่า มีประสิทธิภาพ ( E1/E2 ) เท่ากับ 81.98/83.22 เป็นไปตามสมมติฐานการวิจัยข้อที่ 2
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการเรียนการสอนศิลปะตามแนวคิดสะตีมศึกษา เพื่อเสริมสร้างกระบวนการสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 (4CR Model) พบว่า จากการนำรูปแบบการเรียนการสอนไปทดลองใช้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนเทศบาล ๔หนองแคอนุสรณ์ สังกัดเทศบาลตำบลหนองแค อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี จำนวน 35 ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling ) ใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยในการสุ่ม (Sampling Unit ) พบว่า หลังการเรียนรู้ในแต่ละหน่วยนักเรียนมีผลการประเมินกระบวนการสร้างสรรค์เปรียบเทียบกับเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับดี ทุกหน่วย และหลังการเรียนการสอนนักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่าก่อนเรียน โดยมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 16.88 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 1.04 เป็นไปตามสมมติฐานการวิจัยข้อที่ 3
    4. ผลการประเมินการใช้รูปแบบการเรียนการสอนศิลปะตามแนวคิดสะตีมศึกษา เพื่อเสริมสร้างกระบวนการสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 (4CR Model) พบว่า หลังการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนในแต่ละหน่วยนักเรียนมีกระบวนการสร้างสรรค์เมื่อเทียบกับเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับดีทุกหน่วย เป็นไปตามสมมติฐานการวิจัยข้อที่ 4 และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนศิลปะสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยมีค่าการทดสอบที ( t-test dependent ) เท่ากับ 42.40 เป็นไปตาสมมติฐานการวิจัยข้อที่ 5
    5. ผลการประเมินความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบการเรียนการสอนศิลปะตามแนวคิดสะตีมศึกษา เพื่อเสริมสร้างกระบวนการสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 (4CR Model) พบว่า หลังการจัดการเรียนการสอนนักเรียนมีความพึงพอใจต่อการใช้รูปแบบการเรียนการสอนในภาพรวมอยู่ในระดับพึงพอใจมาก โดยมีคะแนนเฉลี่ย ( ) เท่ากับ 4.69 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.05 เป็นไปตามสมมติฐานการวิจัยข้อที่ 6
ร่วมแสดงความคิดเห็น
เงื่อนไข การร่วมแสดงความคิดเห็น!

ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือ ชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาแจ้งมาที่ แนะนำติชม เพื่อให้ผู้ควบคุมระบบทราบและทำการลบข้อความนั้น ออกจากระบบต่อไป

ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้

^