การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์
ผลการวิจัยพบว่า
1.ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับนโยบายการศึกษา แผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ แนวคิด ทฤษฎี งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง พบว่า นโยบายการศึกษาและแผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติ ได้กำหนดนโยบาย เพื่อการพัฒนาผู้เรียนตามศักยภาพ มุ่งพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา เป็นคนดีมีความสามารถด้านใดด้านหนึ่งหรือรอบด้าน มีความสามารถในการปรับตัวและมีทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 รวมถึงการสังเกตและสอบถาม นักเรียนพบว่า นักเรียนขาดสิ่งเร้าหรือแรงจูงใจในการเรียนรู้ ขาดความกระตือรือร้นในการเรียน มีความต้องการในการเรียนรู้ร่วมกับเพื่อนและต้องการการยอมรับในการทำงานกลุ่ม รวมไปถึงต้องการการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 การเรียนการสอนปัจจุบันเน้นการสอนด้วยการบรรยาย เน้นเนื้อหามากกว่าการฝึก มีผลทำให้นักเรียนเรียนขาดโอกาสในการฝึกทักษะในด้านต่างๆ ดังนั้นการจัดกิจกรรมควรเน้นให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติร่วมกับเพื่อนเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ที่ดีขึ้น สอดคล้องกับการสัมภาษณ์ครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์และครูผู้สอนประจำสายชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พบว่า การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบเดิมเน้นการบรรยายเป็นส่วนใหญ่นักเรียนจะรู้สึกไม่มีส่วนร่วมในการเรียน มีผลต่อการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน การปรับเปลี่ยนวิธีการสอนให้นักเรียนมีส่วนร่วมโดยใช้กิจกรรมกลุ่มและแบ่งหน้าที่รับผิดชอบจึงมีความสำคัญสำหรับนักเรียนในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
2. รูปแบบการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามแนวคิดการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเพื่อส่งเสริมทักษะผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 เรื่อง ความน่าจะเป็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีชื่อว่า PCTCS Model มี 5 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) หลักการ 2) วัตถุประสงค์ 3) ขั้นตอน การจัดการเรียนรู้ ประกอบด้วย 1 ขั้นเร้าความสนใจ (Prepare : P) ขั้นที่ 2 เชื่อมโยงความรู้ (Connecting of knowledge : C ) ขั้นที่ 3 ปฏิบัติการคิด (Taking action : T) ขั้นที่ 4 อภิปรายข้อมูล (Critiquing : C) และขั้นที่ 5 สรุปและประเมินผล (Summarizing and Assessing: S) 4) การวัดและประเมินผล 5) ปัจจัย และเงื่อนไขในการนำรูปแบบไปใช้ โดยที่ผลการประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามความคิดเห็น ของผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 ท่าน มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุดทุกข้อ โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 4.70- 5.00 แสดงว่ามีความเหมาะสมในการนำไปใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 เรื่อง ความน่าจะเป็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
3.ผลการทดลองใช้รูปแบบการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามแนวคิดการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเพื่อส่งเสริมทักษะผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 เรื่อง ความน่าจะเป็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พบว่า 1)ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ความน่าจะเป็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หลังเรียนที่ได้รับจากการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการสอนคณิตศาสตร์ตามแนวการเรียนรู้เชิงรุกสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยรวมหลังการพัฒนามีคะแนนประเมินทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เพิ่มมากขึ้นกว่าก่อนได้รับ การพัฒนา รูปแบบการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามแนวคิดการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเพื่อส่งเสริมทักษะผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 เรื่อง ความน่าจะเป็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3)ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามแนวคิดการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเพื่อส่งเสริมทักษะผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 เรื่อง ความน่าจะเป็นอยู่ในระดับมาก
4. ผลการประเมินรูปแบบการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามแนวคิดการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเพื่อส่งเสริมทักษะผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 เรื่อง ความน่าจะเป็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จาก ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 20 คน พบว่า ความเหมาะสมของรูปแบบการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามแนวคิดการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเพื่อส่งเสริมทักษะผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 เรื่อง ความน่าจะเป็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยรวมมีความเหมาสมอยู่ในระดับมาก