เผยแพร่ผลงานทางวิชาการ
ชื่อเรื่อง การพัฒนาแบบฝึกทักษะการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานเรื่อง สัมพันธ์ดี มีไมตรี
เลี่ยงความขัดแย้ง กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
ผู้ศึกษา นายสาคร เทียมดาว ครู โรงเรียนประทาย
ปีที่พิมพ์ 2562
บทคัดย่อ
การศึกษาค้นคว้าในครั้งนี้เป็นการพัฒนาแบบฝึกทักษะการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานเรื่อง สัมพันธ์ดี มีไมตรี เลี่ยงความขัดแย้งกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนประทายโดยมีวัตถุประสงค์ของการศึกษาค้นคว้าดังนี้ 1) เพื่อหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานเรื่อง สัมพันธ์ดี มีไมตรี เลี่ยงความขัดแย้ง กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานเรื่อง สัมพันธ์ดี มีไมตรี เลี่ยงความขัดแย้ง กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 43)เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานเรื่อง สัมพันธ์ดี มีไมตรี เลี่ยงความขัดแย้ง กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ได้แก่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/6 โรงเรียนประทายภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 34 คนซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) โดยใช้ห้องเรียนที่ผู้ศึกษาเป็นผู้สอน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าประกอบด้วย 1)แบบฝึกทักษะการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานเรื่อง สัมพันธ์ดี มีไมตรี เลี่ยงความขัดแย้ง กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 2)แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องสัมพันธ์ดี มีไมตรี เลี่ยงความขัดแย้ง 3)แบบวัดความพึงพอใจที่มีต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานเรื่อง สัมพันธ์ดี มีไมตรี เลี่ยงความขัดแย้ง กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติค่าร้อยละค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและ ค่า t-test
ผลการศึกษาค้นคว้าพบว่า
1. ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานเรื่อง สัมพันธ์ดี มีไมตรี เลี่ยงความขัดแย้ง กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพ(E1/E2) 82.86/81.72 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 80/80
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานเรื่อง สัมพันธ์ดี มีไมตรี เลี่ยงความขัดแย้ง กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานเรื่อง สัมพันธ์ดี มีไมตรี เลี่ยงความขัดแย้ง กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยรวมนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด
เลี่ยงความขัดแย้ง กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
ผู้ศึกษา นายสาคร เทียมดาว ครู โรงเรียนประทาย
ปีที่พิมพ์ 2562
บทคัดย่อ
การศึกษาค้นคว้าในครั้งนี้เป็นการพัฒนาแบบฝึกทักษะการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานเรื่อง สัมพันธ์ดี มีไมตรี เลี่ยงความขัดแย้งกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนประทายโดยมีวัตถุประสงค์ของการศึกษาค้นคว้าดังนี้ 1) เพื่อหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานเรื่อง สัมพันธ์ดี มีไมตรี เลี่ยงความขัดแย้ง กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานเรื่อง สัมพันธ์ดี มีไมตรี เลี่ยงความขัดแย้ง กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 43)เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานเรื่อง สัมพันธ์ดี มีไมตรี เลี่ยงความขัดแย้ง กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ได้แก่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/6 โรงเรียนประทายภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 34 คนซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) โดยใช้ห้องเรียนที่ผู้ศึกษาเป็นผู้สอน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าประกอบด้วย 1)แบบฝึกทักษะการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานเรื่อง สัมพันธ์ดี มีไมตรี เลี่ยงความขัดแย้ง กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 2)แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องสัมพันธ์ดี มีไมตรี เลี่ยงความขัดแย้ง 3)แบบวัดความพึงพอใจที่มีต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานเรื่อง สัมพันธ์ดี มีไมตรี เลี่ยงความขัดแย้ง กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติค่าร้อยละค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและ ค่า t-test
ผลการศึกษาค้นคว้าพบว่า
1. ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานเรื่อง สัมพันธ์ดี มีไมตรี เลี่ยงความขัดแย้ง กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพ(E1/E2) 82.86/81.72 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 80/80
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานเรื่อง สัมพันธ์ดี มีไมตรี เลี่ยงความขัดแย้ง กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานเรื่อง สัมพันธ์ดี มีไมตรี เลี่ยงความขัดแย้ง กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยรวมนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด