การพัฒนาทักษะการอ่านออกเสียงสะกดคำภาษาอังกฤษ (Phonics Method)
การพัฒนาทักษะการอ่านออกเสียงสะกดคำภาษาอังกฤษ โดยใช้วิธีการสอนแบบโฟนิกส์ (Phonics Method) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
สรุปผลการวิจัย
จากการสอนทักษะการอ่านออกเสียงสะกดคำภาษาอังกฤษ โดยใช้วิธีการสอนแบบโฟนิกส์ (Phonics Method) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 พบว่านักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีพัฒนาการด้านทักษะการอ่านการอ่านออกเสียงสะกดสูงขึ้น
การอภิปรายผลการวิจัย
จากการวิจัยในครั้งนี้ทำให้ทราบว่าการใช้วิธีการสอนแบบโฟนิกส์ (Phonics Method) ในการพัฒนาทักษะการอ่านออกเสียงสะกดคำภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 สามารถพัฒนาทักษะการอ่านออกเสียงสะกดคำได้
ทั้งนี้อาจเป็นเพราะการสอนด้วยวิธีการแบบโฟนิกส์ เป็นวิธีการสอนที่สอดคล้องกับหลักการอ่านของภาษาไทย ส่งผลให้นักเรียนเข้าใจหลักการอ่านและสะกดคำได้ง่าย มีการเปรียบเทียบกับอักษรในภาษาไทย ทำให้นักเรียนเห็นความสอดคล้องของตัวอักษรต่างๆ และนำความรู้มาประยุกต์ใช้ในการอ่านได้
สรุปผลการวิจัย
จากการสอนทักษะการอ่านออกเสียงสะกดคำภาษาอังกฤษ โดยใช้วิธีการสอนแบบโฟนิกส์ (Phonics Method) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 พบว่านักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีพัฒนาการด้านทักษะการอ่านการอ่านออกเสียงสะกดสูงขึ้น
การอภิปรายผลการวิจัย
จากการวิจัยในครั้งนี้ทำให้ทราบว่าการใช้วิธีการสอนแบบโฟนิกส์ (Phonics Method) ในการพัฒนาทักษะการอ่านออกเสียงสะกดคำภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 สามารถพัฒนาทักษะการอ่านออกเสียงสะกดคำได้
ทั้งนี้อาจเป็นเพราะการสอนด้วยวิธีการแบบโฟนิกส์ เป็นวิธีการสอนที่สอดคล้องกับหลักการอ่านของภาษาไทย ส่งผลให้นักเรียนเข้าใจหลักการอ่านและสะกดคำได้ง่าย มีการเปรียบเทียบกับอักษรในภาษาไทย ทำให้นักเรียนเห็นความสอดคล้องของตัวอักษรต่างๆ และนำความรู้มาประยุกต์ใช้ในการอ่านได้