การพัฒนารูปแบบการบริหารสถานศึกษาแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อประสิทธิ
บทคัดย่อ
ชื่อเรื่อง : การพัฒนารูปแบบการบริหารสถานศึกษาแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อประสิทธิผล ของโรงเรียนก้างปลาวิทยาคม เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12 ผู้วิจัย : นายประเสริฐ ธานีรัตน์
โรงเรียน : โรงเรียนก้างปลาวิทยาคม
ปีที่วิจัย : 2562
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อสำรวจสภาพปัจจุบันและความต้องการการบริหารสถานศึกษา แบบมีส่วนร่วมของโรงเรียนก้างปลาวิทยาคม เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12 2) เพื่อออกแบบ และสร้างรูปแบบการบริหารสถานศึกษาแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อประสิทธิผล ของโรงเรียน ก้างปลาวิทยาคม เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการบริหารสถานศึกษา แบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียนก้างปลาวิทยาคม เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12 และ4) เพื่อประเมินรูปแบบการบริหารสถานศึกษาแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียน ก้างปลาวิทยาคม เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12 การดำเนินการวิจัยมี 4 ระยะ คือ ระยะที่ 1 การสำรวจสภาพปัจจุบัน และความต้องการการบริหารสถานศึกษาแบบมีส่วนร่วมของโรงเรียนก้างปลาวิทยาคม เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12 โดยการสอบถามครูผู้สอน จำนวน 36 คน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จานวน 13 คน (ไม่นับรวมครูผู้สอนและผู้บริหารที่เป็นตัวแทน ในคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน 2 คน) และผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 234 คน ระยะที่ 2 การออกแบบและสร้างรูปแบบการบริหารสถานศึกษาแบบมีส่วนร่วม ที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของ โรงเรียนก้างปลาวิทยาคม เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12 โดยตรวจสอบความเหมาะสม และ ความเป็นไปได้ของรูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมกับอาจารย์มหาวิทยาลัย และผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 11 ท่าน ระยะที่ 3 การทดลองใช้รูปแบบการบริหารสถานศึกษาแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อ ประสิทธิผลของโรงเรียนก้างปลาวิทยาคม เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12 ประเมินประสิทธิผล การบริหารสถานศึกษา โดยการสอบถามครูผู้สอน จำนวน 36 คน ตรวจสอบร้อยละของนักเรียนที่มี คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับดีขึ้นไป (3.00) ระหว่างปีการศึกษา 2561 และปีการศึกษา 2562 ระยะที่ 4 การประเมินรูปแบบการบริหารสถานศึกษาแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียนก้างปลาวิทยาคม เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12 สอบถามความพึงพอใจจากคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 13 คน (ไม่นับรวมครูผู้สอนและผู้บริหารที่เป็นตัวแทนในคณะกรรมการ สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน 2 คน) ครูผู้สอน จำนวน 36 คน รวมทั้งสิ้น จำนวน 49 คน ที่มีต่อรูปแบบการบริหาร สถานศึกษาแบบมีส่วนร่วม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน
ผลการวิจัย พบว่า
1. สภาพปัจจุบันของการมีส่วนร่วมของครูผู้สอน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและ ผู้ปกครองนักเรียน ในการบริหารสถานศึกษาโรงเรียนก้างปลาวิทยาคมเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12 โดยรวมมีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก ส่วนรายด้านทุกด้านมีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก ยกเว้นด้านการบริหารงานวิชาการ ความคิดเห็นของครู และผู้ปกครอง มีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก ที่สุด ความต้องการของการมีส่วนร่วมของครูผู้สอน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และผู้ปกครอง นักเรียน ทั้งโดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก ยกเว้น ด้านการบริหารงานวิชาการ ครู คณะกรรมการ สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และผู้ปกครอง มีความต้องการอยู่ในระดับมากที่สุด
2. รูปแบบการบริหารสถานศึกษาแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียน ก้างปลาวิทยาคม เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12 มีองค์ประกอบหลัก 4 ด้าน คือ ด้านวัตถุประสงค์ของรูปแบบ ด้านหลักการของรูปแบบ ด้านระบบงานและกลไกของรูปแบบ และ ด้านวิธีการดาเนินงานของรูปแบบ มีความเหมาะสม และความเป็นไปได้อยู่ในระดับมากที่สุดยกเว้น ด้านวิธีการดำเนินงาน การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองนักเรียนมีความเหมาะสมและความเป็นไปได้อยู่ใน ระดับมาก
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการบริหารสถานศึกษาแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อประสิทธิผล ของโรงเรียนก้างปลาวิทยาคม เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12 พบว่า ประสิทธิผลของการบริหาร สถานศึกษาของโรงเรียนก้างปลาวิทยาคม เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12 โดยรวมอยู่ในระดับ มากที่สุด และร้อยละของนักเรียนที่มีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับดีขึ้นไป(3.00)จาแนกตาม กลุ่มสาระการเรียนรู้ ปีการศึกษา 2562 สูงกว่าปีการศึกษา 2561 ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้
4. ผลการประเมินรูปแบบการบริหารสถานศึกษาแบบมีส่วนร่วม ที่ส่งผลต่อประสิทธิผล ของโรงเรียนก้างปลาวิทยาคม เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12 พบว่า ครูผู้สอน คณะกรรมการ สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และผู้ปกครองนักเรียนมีความพึงพอใจต่อรูปแบบการบริหารสถานศึกษาแบบ มีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียนก้างปลาวิทยาคม เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12 โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
ชื่อเรื่อง : การพัฒนารูปแบบการบริหารสถานศึกษาแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อประสิทธิผล ของโรงเรียนก้างปลาวิทยาคม เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12 ผู้วิจัย : นายประเสริฐ ธานีรัตน์
โรงเรียน : โรงเรียนก้างปลาวิทยาคม
ปีที่วิจัย : 2562
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อสำรวจสภาพปัจจุบันและความต้องการการบริหารสถานศึกษา แบบมีส่วนร่วมของโรงเรียนก้างปลาวิทยาคม เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12 2) เพื่อออกแบบ และสร้างรูปแบบการบริหารสถานศึกษาแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อประสิทธิผล ของโรงเรียน ก้างปลาวิทยาคม เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการบริหารสถานศึกษา แบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียนก้างปลาวิทยาคม เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12 และ4) เพื่อประเมินรูปแบบการบริหารสถานศึกษาแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียน ก้างปลาวิทยาคม เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12 การดำเนินการวิจัยมี 4 ระยะ คือ ระยะที่ 1 การสำรวจสภาพปัจจุบัน และความต้องการการบริหารสถานศึกษาแบบมีส่วนร่วมของโรงเรียนก้างปลาวิทยาคม เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12 โดยการสอบถามครูผู้สอน จำนวน 36 คน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จานวน 13 คน (ไม่นับรวมครูผู้สอนและผู้บริหารที่เป็นตัวแทน ในคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน 2 คน) และผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 234 คน ระยะที่ 2 การออกแบบและสร้างรูปแบบการบริหารสถานศึกษาแบบมีส่วนร่วม ที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของ โรงเรียนก้างปลาวิทยาคม เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12 โดยตรวจสอบความเหมาะสม และ ความเป็นไปได้ของรูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมกับอาจารย์มหาวิทยาลัย และผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 11 ท่าน ระยะที่ 3 การทดลองใช้รูปแบบการบริหารสถานศึกษาแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อ ประสิทธิผลของโรงเรียนก้างปลาวิทยาคม เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12 ประเมินประสิทธิผล การบริหารสถานศึกษา โดยการสอบถามครูผู้สอน จำนวน 36 คน ตรวจสอบร้อยละของนักเรียนที่มี คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับดีขึ้นไป (3.00) ระหว่างปีการศึกษา 2561 และปีการศึกษา 2562 ระยะที่ 4 การประเมินรูปแบบการบริหารสถานศึกษาแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียนก้างปลาวิทยาคม เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12 สอบถามความพึงพอใจจากคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 13 คน (ไม่นับรวมครูผู้สอนและผู้บริหารที่เป็นตัวแทนในคณะกรรมการ สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน 2 คน) ครูผู้สอน จำนวน 36 คน รวมทั้งสิ้น จำนวน 49 คน ที่มีต่อรูปแบบการบริหาร สถานศึกษาแบบมีส่วนร่วม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน
ผลการวิจัย พบว่า
1. สภาพปัจจุบันของการมีส่วนร่วมของครูผู้สอน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและ ผู้ปกครองนักเรียน ในการบริหารสถานศึกษาโรงเรียนก้างปลาวิทยาคมเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12 โดยรวมมีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก ส่วนรายด้านทุกด้านมีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก ยกเว้นด้านการบริหารงานวิชาการ ความคิดเห็นของครู และผู้ปกครอง มีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก ที่สุด ความต้องการของการมีส่วนร่วมของครูผู้สอน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และผู้ปกครอง นักเรียน ทั้งโดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก ยกเว้น ด้านการบริหารงานวิชาการ ครู คณะกรรมการ สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และผู้ปกครอง มีความต้องการอยู่ในระดับมากที่สุด
2. รูปแบบการบริหารสถานศึกษาแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียน ก้างปลาวิทยาคม เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12 มีองค์ประกอบหลัก 4 ด้าน คือ ด้านวัตถุประสงค์ของรูปแบบ ด้านหลักการของรูปแบบ ด้านระบบงานและกลไกของรูปแบบ และ ด้านวิธีการดาเนินงานของรูปแบบ มีความเหมาะสม และความเป็นไปได้อยู่ในระดับมากที่สุดยกเว้น ด้านวิธีการดำเนินงาน การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองนักเรียนมีความเหมาะสมและความเป็นไปได้อยู่ใน ระดับมาก
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการบริหารสถานศึกษาแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อประสิทธิผล ของโรงเรียนก้างปลาวิทยาคม เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12 พบว่า ประสิทธิผลของการบริหาร สถานศึกษาของโรงเรียนก้างปลาวิทยาคม เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12 โดยรวมอยู่ในระดับ มากที่สุด และร้อยละของนักเรียนที่มีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับดีขึ้นไป(3.00)จาแนกตาม กลุ่มสาระการเรียนรู้ ปีการศึกษา 2562 สูงกว่าปีการศึกษา 2561 ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้
4. ผลการประเมินรูปแบบการบริหารสถานศึกษาแบบมีส่วนร่วม ที่ส่งผลต่อประสิทธิผล ของโรงเรียนก้างปลาวิทยาคม เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12 พบว่า ครูผู้สอน คณะกรรมการ สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และผู้ปกครองนักเรียนมีความพึงพอใจต่อรูปแบบการบริหารสถานศึกษาแบบ มีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียนก้างปลาวิทยาคม เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12 โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด