การพัฒนาแบบฝึกทักษะ เรื่อง เศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
ชื่อเรื่อง การพัฒนาแบบฝึกทักษะ เรื่อง เศษส่วน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านบาละ
ผู้นำเสนอ ซารีย๊ะ ดอนิ
ปีที่ทำการศึกษา 2563
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะ เรื่อง เศษส่วน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ก่อนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะเรื่อง เศษส่วน 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อแบบฝึกทักษะเรื่องเศษส่วน กลุ่มตัวอย่างได้แก่ นักเรียนชายและหญิงชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/2 ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ของโรงเรียนบ้านบาละ จำนวน 24 คน ซึ่งได้มาจากการเลือกกลุ่มตัวอย่างสุ่มแบบยกกลุ่ม (Cluster Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ประกอบการใช้แบบฝึกทักษะเรื่อง เศษส่วน ด้วยกระบวนการเรียนการสอนของรูปแบบซิปปา (CIPPA MODEL) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 20 แผน 2) แบบฝึกทักษะเรื่อง เศษส่วน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 6 เล่ม 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนจำนวน 30 ข้อ 4) แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะ เรื่อง เศษส่วน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 10 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่า t-test
ผลจากการวิจัยพบว่า
1. ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะ เรื่อง เศษส่วนสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพ 83.68/82.22 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้
2. ผลเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ก่อนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง เศษส่วน สูงกว่าก่อนเรียน
3. ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อแบบฝึกทักษะ เรื่อง เศษส่วนนักเรียนมีความพึงพอใจโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก
ผู้นำเสนอ ซารีย๊ะ ดอนิ
ปีที่ทำการศึกษา 2563
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะ เรื่อง เศษส่วน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ก่อนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะเรื่อง เศษส่วน 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อแบบฝึกทักษะเรื่องเศษส่วน กลุ่มตัวอย่างได้แก่ นักเรียนชายและหญิงชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/2 ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ของโรงเรียนบ้านบาละ จำนวน 24 คน ซึ่งได้มาจากการเลือกกลุ่มตัวอย่างสุ่มแบบยกกลุ่ม (Cluster Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ประกอบการใช้แบบฝึกทักษะเรื่อง เศษส่วน ด้วยกระบวนการเรียนการสอนของรูปแบบซิปปา (CIPPA MODEL) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 20 แผน 2) แบบฝึกทักษะเรื่อง เศษส่วน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 6 เล่ม 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนจำนวน 30 ข้อ 4) แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะ เรื่อง เศษส่วน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 10 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่า t-test
ผลจากการวิจัยพบว่า
1. ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะ เรื่อง เศษส่วนสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพ 83.68/82.22 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้
2. ผลเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ก่อนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง เศษส่วน สูงกว่าก่อนเรียน
3. ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อแบบฝึกทักษะ เรื่อง เศษส่วนนักเรียนมีความพึงพอใจโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก