การพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป ชุดสนุกคิดสนุกทำการคูณ การหาร โดยใช้เทค
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถประสงค์ 1) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของบทเรียนสำเร็จรูป ชุดสนุกคิดสนุกทำการคูณ การหาร โดยใช้เทคนิค STAD ร่วมกับกระบวนการแก้ปัญหาตามแนวคิดของโพลยา กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียน โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป ชุดสนุกคิดสนุกทำการคูณ การหาร โดยใช้เทคนิค STAD ร่วมกับกระบวนการแก้ปัญหาตามแนวคิดของโพลยา กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 3) เพื่อหาดัชนีประสิทธิผลของบทเรียนสำเร็จรูป ชุดสนุกคิดสนุกทำการคูณ การหาร โดยใช้เทคนิค STAD ร่วมกับกระบวนการแก้ปัญหาตามแนวคิดของโพลยา กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป ชุดสนุกคิดสนุกทำการคูณ การหาร โดยใช้เทคนิค STAD ร่วมกับกระบวนการแก้ปัญหาตามแนวคิดของโพลยา กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/1 โรงเรียนเทศบาล ๔ วัดนพวงศาราม ภาคเรียนที่ 1
ปีการศึกษา 2563 จำนวน 32 คน ซึ่งได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนในการสุ่ม ใช้แบบแผนการทดลองแบบกลุ่มตัวอย่างเดียว มีการทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน (The One-Group Pretest-Posttest Design) วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหา ค่าเฉลี่ย ("X" ̅) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) หาค่าที แบบไม่เป็นอิสระ (t – test for dependent) ผลการวิจัยพบว่า
1. บทเรียนสำเร็จรูป ชุดสนุกคิดสนุกทำการคูณ การหาร โดยใช้เทคนิค STAD ร่วมกับกระบวนการแก้ปัญหาตามแนวคิดของโพลยา กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 87.51/89.14 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 ที่กำหนดไว้
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนของนักเรียนที่จัดการเรียนรู้ประกอบการใช้บทเรียนสำเร็จรูป ชุดสนุกคิดสนุกทำการคูณ การหาร โดยใช้เทคนิค STAD ร่วมกับกระบวนการแก้ปัญหาตามแนวคิดของโพลยา กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ดัชนีประสิทธิผลของบทเรียนสำเร็จรูป ชุดสนุกคิดสนุกทำการคูณ การหาร โดยใช้เทคนิค STAD ร่วมกับกระบวนการแก้ปัญหาตามแนวคิดของโพลยา กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เท่ากับ 0.6420 ซึ่งแสดงว่านักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นร้อยละ 64.20
3. ความพึงพอใจของนักเรียนหลังการเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป ชุดสนุกคิดสนุกทำการคูณ การหาร โดยใช้เทคนิค STAD ร่วมกับกระบวนการแก้ปัญหาตามแนวคิดของโพลยา กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 นักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด
ปีการศึกษา 2563 จำนวน 32 คน ซึ่งได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนในการสุ่ม ใช้แบบแผนการทดลองแบบกลุ่มตัวอย่างเดียว มีการทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน (The One-Group Pretest-Posttest Design) วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหา ค่าเฉลี่ย ("X" ̅) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) หาค่าที แบบไม่เป็นอิสระ (t – test for dependent) ผลการวิจัยพบว่า
1. บทเรียนสำเร็จรูป ชุดสนุกคิดสนุกทำการคูณ การหาร โดยใช้เทคนิค STAD ร่วมกับกระบวนการแก้ปัญหาตามแนวคิดของโพลยา กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 87.51/89.14 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 ที่กำหนดไว้
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนของนักเรียนที่จัดการเรียนรู้ประกอบการใช้บทเรียนสำเร็จรูป ชุดสนุกคิดสนุกทำการคูณ การหาร โดยใช้เทคนิค STAD ร่วมกับกระบวนการแก้ปัญหาตามแนวคิดของโพลยา กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ดัชนีประสิทธิผลของบทเรียนสำเร็จรูป ชุดสนุกคิดสนุกทำการคูณ การหาร โดยใช้เทคนิค STAD ร่วมกับกระบวนการแก้ปัญหาตามแนวคิดของโพลยา กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เท่ากับ 0.6420 ซึ่งแสดงว่านักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นร้อยละ 64.20
3. ความพึงพอใจของนักเรียนหลังการเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป ชุดสนุกคิดสนุกทำการคูณ การหาร โดยใช้เทคนิค STAD ร่วมกับกระบวนการแก้ปัญหาตามแนวคิดของโพลยา กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 นักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด