การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ P-W-P-E เพื่อส่งเสริมทักษะกา
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
ผู้วิจัย ยุวรี แก้วคำไสย์
ปีที่วิจัย 2563
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมาย ดังนี้ 1) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ P-W-P-E เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านออกเขียนได้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย 2) เพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ P-W-P-E เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านออกเขียนได้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย และ 3) เพื่อประเมินผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ P-W-P-E เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านออกเขียนได้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย การวิจัยแบ่งเป็น 4 ขั้นตอน ดังนี้ คือ ขั้นที่ 1 การศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน ขั้นที่ 2 การออกแบบและพัฒนารูปแบบ ขั้นที่ 3 การนำรูปแบบไปใช้ และขั้นที่ 4 การประเมินผลการใช้รูปแบบ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1/2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนบ้านสิริขุนหาญ อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 30 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย รูปแบบการจัดการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบวัดทักษะการอ่านออกเขียนได้และแบบสอบถามความพึงพอใจ การวิเคราะห์ข้อมูล วิเคราะห์โดยใช้ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
และการทดสอบค่าที (t - test) ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการพัฒนารูปแบบ พบว่า รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ P-W-P-E เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านออกเขียนได้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีองค์ประกอบสำคัญ ประกอบด้วย หลักการของรูปแบบ วัตถุประสงค์ของรูปแบบ กระบวนการจัดการเรียนรู้ และการวัดผลและประเมินผล มีขั้นตอนการจัดการเรียนรู้ 4 ขั้นตอน คือ ขั้นที่ 1 ขั้นนำเข้าสู่การอ่าน (Pre-Reading) ขั้นที่ 2 ขั้นระหว่างการอ่าน (While-Reading) ขั้นที่ 3 ขั้นฝึกอ่านเขียน (Practice Reading and Writing) และขั้นที่ 4 ขั้นประเมินผล (Evaluation) จากการประเมินคุณภาพโดยผู้เชี่ยวชาญ พบว่า รูปแบบการจัดการเรียนรู้ มีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.55
2. ผลการนำรูปแบบไปใช้ พบว่า นักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ P-W-P-E เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านออกเขียนได้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย มีคะแนนทดสอบวัดความรู้ ความเข้าใจในเนื้อหาการอ่านออกเขียนได้หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 และมีทักษะการอ่านออกเขียนได้ในระดับดีมาก ค่าเฉลี่ย 30.57
3. ผลการประเมินการใช้รูปแบบ พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ P-W-P-E เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านออกเขียนได้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย อยู่ในระดับพึงพอใจมาก ( = 2.60,
S.D. = 0.51) และผู้ปกครองมีความพึงพอใจต่อพฤติกรรมการอ่านออกเขียนได้ของนักเรียนหลังการเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ P-W-P-E เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านออกเขียนได้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ในระดับมากที่สุด
( = 4.56, S.D. = 0.50)
ประกาศคุณูปการ
การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ P-W-P-E เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านออกเขียนได้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ฉบับนี้ สำเร็จได้ด้วยดีเนื่องจากได้รับความกรุณาช่วยเหลือให้คำปรึกษา คำแนะนำ ตรวจแก้ไขข้อบกพร่องในการทำวิจัยด้วยความเอาใจใส่เป็นอย่างดีจากคณะผู้เชี่ยวชาญ ประกอบด้วย ………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………..………………………………………………………………….………..………………………………………………………………..………………………………………………………………….………..………………………………………………………………..………………………………………………………………….………..………………………………………………………………..………………………………………………………………….………..………………………………………………………………..………………………………………………………………….……….. ผู้วิจัยขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงไว้ ณ โอกาสนี้
ขอบคุณคณะครูในโรงเรียนบ้านสิริขุนหาญทุกท่าน และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ที่ได้กรุณาให้การสนับสนุนช่วยเหลือ ขอบคุณเจ้าของบทความ เอกสารตำราต่าง ๆ ที่เป็นแหล่งข้อมูลการค้นคว้าทำให้การวิจัยครั้งนี้ สำเร็จลงด้วยดี ผู้วิจัยขอขอบพระคุณไว้ ณ โอกาสนี้
คุณค่า คุณความดีและประโยชน์ของการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยขอมอบเป็นเครื่องบูชาพระคุณบิดา มารดา คณะครู อาจารย์และผู้มีพระคุณทุกท่านที่ได้อบรมสั่งสอนให้ผู้วิจัยมีความรู้ ความพากเพียร มานะ อดทน จนทำให้ประสบผลสำเร็จในการวิจัย
ยุวรี แก้วคำไสย์