การพัฒนารูปแบบการเสริมสร้างพลังอำนาจครูโรงเรียนเทศบาล ๒ (สหกรณ์ส
ชื่อเรื่อง : การพัฒนารูปแบบการเสริมสร้างพลังอำนาจครูโรงเรียนเทศบาล ๒ (สหกรณ์สมทบ)
สู่ความเป็นครูมืออาชีพ
ผู้วิจัย : นายวรพจน์ บดสันเทียะ
ปีที่พิมพ์ : 2563
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อวิเคราะห์หาสมรรถนะและกระบวนการพัฒนา สู่ความเป็นครูมืออาชีพของครูโรงเรียนเทศบาล ๒ (สหกรณ์สมทบ)(2) เพื่อสร้างรูปแบบการเสริมสร้างพลังอำนาจครูโรงเรียนเทศบาล ๒ (สหกรณ์สมทบ)สู่ความเป็นครูมืออาชีพ (3) เพื่อศึกษาผลการทดลองใช้รูปแบบการเสริมสร้างพลังอำนาจครูโรงเรียนเทศบาล ๒ (สหกรณ์สมทบ)สู่ความเป็นครูมืออาชีพและ (4) เพื่อประเมินผลการใช้รูปแบบการเสริมสร้างพลังอำนาจครูโรงเรียนเทศบาล ๒ (สหกรณ์สมทบ)(ความเป็นครูมืออาชีพ ดำเนินการวิจัย 4 ระยะ 6 ขั้น คือระยะที่ 1 ประกอบด้วย ขั้นที่ 1-2 กลุ่มตัวอย่าง คือ คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 14 คน ครูผู้สอน จำนวน 32 คน ผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 245 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยในระยะนี้ คือ แบบสอบถามความจำเป็นสมรรถนะหลักที่ต้องมีของความเป็นครูมืออาชีพ ของครูโรงเรียนเทศบาล ๒ (สหกรณ์สมทบ)(และแบบสอบถามรูปแบบการพัฒนาสู่ความเป็นครูมืออาชีพ ของครูโรงเรียนเทศบาล ๒ (สหกรณ์สมทบ)สถิติที่ใช้ คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ( ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ระยะที่ 2 ประกอบด้วยขั้นที่ 3-4 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เป็นแบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง สัมภาษณ์เชิงลึกผู้ทรงคุณวุฒิด้านการพัฒนาสมรรถนะของครู จำนวน 9 คน และแบบประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการเสริมสร้างพลังอำนาจครูโรงเรียนเทศบาล ๒ (สหกรณ์สมทบ)สู่ความเป็นครูมืออาชีพ ระยะที่ 3 ประกอบด้วยขั้นที่ 5 กลุ่มเป้าหมาย คือ ครูโรงเรียนเทศบาล ๒ (สหกรณ์สมทบ)ทุกคน จำนวน 35 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยในระยะนี้ คือ แบบประเมินการเสริมสร้างพลังอำนาจครูโรงเรียนเทศบาล ๒ (สหกรณ์สมทบ)สู่ความเป็นครูมืออาชีพ สถิติที่ใช้ คือ ค่าเฉลี่ย ( ) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และค่าที (t-test) ระยะที่ 4 ประกอบด้วยขั้นที่ 6 กลุ่มตัวอย่าง คือครูโรงเรียนเทศบาล ๒ (สหกรณ์สมทบ)ตัวแทนนักเรียนและตัวแทนผู้ปกครองนักเรียน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แบบประเมินความพึงพอใจต่อรูปแบบการเสริมสร้างพลังอำนาจครูโรงเรียนเทศบาล ๒ (สหกรณ์สมทบ)สู่ความเป็นครูมืออาชีพ และแบบประเมินความสำเร็จของรูปแบบการเสริมสร้างพลังอำนาจครูโรงเรียนเทศบาล ๒ (สหกรณ์สมทบ)สู่ความเป็นครูมืออาชีพ สถิติที่ใช้ คือ ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)
ผลการวิจัยปรากฏ ดังนี้
1. สมรรถนะหลักในการพัฒนาสู่ความเป็นครูมืออาชีพ ของครูโรงเรียนเทศบาล ๒ (สหกรณ์สมทบ)ประกอบด้วยสมรรถนะ 5 ด้าน คือ 1) การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา 2) การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ 3) การประเมินตามสภาพจริง 4) การวิจัยในชั้นเรียน 5) การนิเทศ ติดตามและประเมินผล
2. รูปแบบการเสริมสร้างพลังอำนาจครูโรงเรียนเทศบาล ๒ (สหกรณ์สมทบ)สู่ความเป็นครูมืออาชีพ มี 5 ส่วนสัมพันธ์กัน ได้แก่ 1) การฝึกทักษะการปฏิบัติงาน 2) การประชุมทีมวินิจฉัยสภาพการณ์ 3) การประชุมแบบปรึกษาหารือ 4) การให้คำปรึกษา 5) การประชุมเพื่อสร้างทีมแก้ไขและพัฒนาและผลการประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการเสริมสร้างพลังอำนาจครูโรงเรียนเทศบาล ๒ (สหกรณ์สมทบ) สู่ความเป็นครูมืออาชีพ โดยรวม มีความเหมาะสมในระดับมาก
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการเสริมสร้างพลังอำนาจครูโรงเรียนเทศบาล ๒ (สหกรณ์สมทบ) สู่ความเป็นครูมืออาชีพ พบว่า ก่อนการพัฒนาผู้เข้ารับการพัฒนามีสมรรถนะ โดยรวม อยู่ในระดับมาก หลังการพัฒนามีสมรรถนะ โดยรวม อยู่ในระดับมากที่สุด ซึ่งเพิ่มขึ้นจากก่อนการพัฒนาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. การประเมินการพัฒนารูปแบบการเสริมสร้างพลังอำนาจครูโรงเรียนเทศบาล ๒ (สหกรณ์สมทบ) สู่ความเป็นครูมืออาชีพ พบว่า ผู้เข้ารับการพัฒนามีความพึงพอใจต่อรูปแบบการเสริมสร้างพลังอำนาจครูโรงเรียนเทศบาล ๒ (สหกรณ์สมทบ)สู่ความเป็นครูมืออาชีพ โดยรวมอยู่ ในระดับ มาก และการประเมินระดับความสำเร็จของรูปแบบการเสริมสร้างพลังอำนาจครูโรงเรียน เทศบาล ๒ (สหกรณ์สมทบ)สู่ความเป็นครูมืออาชีพ โดยรวม อยู่ในระดับมากที่สุด
สู่ความเป็นครูมืออาชีพ
ผู้วิจัย : นายวรพจน์ บดสันเทียะ
ปีที่พิมพ์ : 2563
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อวิเคราะห์หาสมรรถนะและกระบวนการพัฒนา สู่ความเป็นครูมืออาชีพของครูโรงเรียนเทศบาล ๒ (สหกรณ์สมทบ)(2) เพื่อสร้างรูปแบบการเสริมสร้างพลังอำนาจครูโรงเรียนเทศบาล ๒ (สหกรณ์สมทบ)สู่ความเป็นครูมืออาชีพ (3) เพื่อศึกษาผลการทดลองใช้รูปแบบการเสริมสร้างพลังอำนาจครูโรงเรียนเทศบาล ๒ (สหกรณ์สมทบ)สู่ความเป็นครูมืออาชีพและ (4) เพื่อประเมินผลการใช้รูปแบบการเสริมสร้างพลังอำนาจครูโรงเรียนเทศบาล ๒ (สหกรณ์สมทบ)(ความเป็นครูมืออาชีพ ดำเนินการวิจัย 4 ระยะ 6 ขั้น คือระยะที่ 1 ประกอบด้วย ขั้นที่ 1-2 กลุ่มตัวอย่าง คือ คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 14 คน ครูผู้สอน จำนวน 32 คน ผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 245 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยในระยะนี้ คือ แบบสอบถามความจำเป็นสมรรถนะหลักที่ต้องมีของความเป็นครูมืออาชีพ ของครูโรงเรียนเทศบาล ๒ (สหกรณ์สมทบ)(และแบบสอบถามรูปแบบการพัฒนาสู่ความเป็นครูมืออาชีพ ของครูโรงเรียนเทศบาล ๒ (สหกรณ์สมทบ)สถิติที่ใช้ คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ( ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ระยะที่ 2 ประกอบด้วยขั้นที่ 3-4 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เป็นแบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง สัมภาษณ์เชิงลึกผู้ทรงคุณวุฒิด้านการพัฒนาสมรรถนะของครู จำนวน 9 คน และแบบประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการเสริมสร้างพลังอำนาจครูโรงเรียนเทศบาล ๒ (สหกรณ์สมทบ)สู่ความเป็นครูมืออาชีพ ระยะที่ 3 ประกอบด้วยขั้นที่ 5 กลุ่มเป้าหมาย คือ ครูโรงเรียนเทศบาล ๒ (สหกรณ์สมทบ)ทุกคน จำนวน 35 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยในระยะนี้ คือ แบบประเมินการเสริมสร้างพลังอำนาจครูโรงเรียนเทศบาล ๒ (สหกรณ์สมทบ)สู่ความเป็นครูมืออาชีพ สถิติที่ใช้ คือ ค่าเฉลี่ย ( ) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และค่าที (t-test) ระยะที่ 4 ประกอบด้วยขั้นที่ 6 กลุ่มตัวอย่าง คือครูโรงเรียนเทศบาล ๒ (สหกรณ์สมทบ)ตัวแทนนักเรียนและตัวแทนผู้ปกครองนักเรียน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แบบประเมินความพึงพอใจต่อรูปแบบการเสริมสร้างพลังอำนาจครูโรงเรียนเทศบาล ๒ (สหกรณ์สมทบ)สู่ความเป็นครูมืออาชีพ และแบบประเมินความสำเร็จของรูปแบบการเสริมสร้างพลังอำนาจครูโรงเรียนเทศบาล ๒ (สหกรณ์สมทบ)สู่ความเป็นครูมืออาชีพ สถิติที่ใช้ คือ ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)
ผลการวิจัยปรากฏ ดังนี้
1. สมรรถนะหลักในการพัฒนาสู่ความเป็นครูมืออาชีพ ของครูโรงเรียนเทศบาล ๒ (สหกรณ์สมทบ)ประกอบด้วยสมรรถนะ 5 ด้าน คือ 1) การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา 2) การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ 3) การประเมินตามสภาพจริง 4) การวิจัยในชั้นเรียน 5) การนิเทศ ติดตามและประเมินผล
2. รูปแบบการเสริมสร้างพลังอำนาจครูโรงเรียนเทศบาล ๒ (สหกรณ์สมทบ)สู่ความเป็นครูมืออาชีพ มี 5 ส่วนสัมพันธ์กัน ได้แก่ 1) การฝึกทักษะการปฏิบัติงาน 2) การประชุมทีมวินิจฉัยสภาพการณ์ 3) การประชุมแบบปรึกษาหารือ 4) การให้คำปรึกษา 5) การประชุมเพื่อสร้างทีมแก้ไขและพัฒนาและผลการประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการเสริมสร้างพลังอำนาจครูโรงเรียนเทศบาล ๒ (สหกรณ์สมทบ) สู่ความเป็นครูมืออาชีพ โดยรวม มีความเหมาะสมในระดับมาก
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการเสริมสร้างพลังอำนาจครูโรงเรียนเทศบาล ๒ (สหกรณ์สมทบ) สู่ความเป็นครูมืออาชีพ พบว่า ก่อนการพัฒนาผู้เข้ารับการพัฒนามีสมรรถนะ โดยรวม อยู่ในระดับมาก หลังการพัฒนามีสมรรถนะ โดยรวม อยู่ในระดับมากที่สุด ซึ่งเพิ่มขึ้นจากก่อนการพัฒนาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. การประเมินการพัฒนารูปแบบการเสริมสร้างพลังอำนาจครูโรงเรียนเทศบาล ๒ (สหกรณ์สมทบ) สู่ความเป็นครูมืออาชีพ พบว่า ผู้เข้ารับการพัฒนามีความพึงพอใจต่อรูปแบบการเสริมสร้างพลังอำนาจครูโรงเรียนเทศบาล ๒ (สหกรณ์สมทบ)สู่ความเป็นครูมืออาชีพ โดยรวมอยู่ ในระดับ มาก และการประเมินระดับความสำเร็จของรูปแบบการเสริมสร้างพลังอำนาจครูโรงเรียน เทศบาล ๒ (สหกรณ์สมทบ)สู่ความเป็นครูมืออาชีพ โดยรวม อยู่ในระดับมากที่สุด