การพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนศิลปะ (ทัศนศิลป์)
ผู้รายงาน นายชรินทร ทองเสมอ
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนเทศบาลบ้านบางเหนียว สังกัดสำนักการศึกษา เทศบาลนครภูเก็ต
ปีที่ศึกษา 2562
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ศิลปะ(ทัศนศิลป์) ตามแนวคิดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์เป็นฐานร่วมกับการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบพหุสัมผัส เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 2) เพื่อศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ศิลปะ (ทัศนศิลป์) ตามแนวคิดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์เป็นฐานร่วมกับการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบพหุสัมผัส เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 3) เพื่อขยายผลรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ศิลปะ (ทัศนศิลป์) ตามแนวคิดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์ เป็นฐาน ร่วมกับการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบพหุสัมผัส เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/8ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนเทศบาลบ้านบางเหนียว สังกัดสำนักการศึกษา เทศบาลนครภูเก็ต จำนวน 32 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลครั้งนี้ประกอบด้วย 1) รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ศิลปะ (ทัศนศิลป์) ตามแนวคิดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์เป็นฐาน ร่วมกับการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบพหุสัมผัส เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 2) คู่มือรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 3) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนศิลปะ (ทัศนศิลป์) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
5) แบบวัดความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ 6) แบบประเมินความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ สถิติพื้นฐาน ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่า t-test dependent
ผลการศึกษาพบว่า
1. รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ศิลปะ (ทัศนศิลป์) ตามแนวคิดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์เป็นฐาน ร่วมกับการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบพหุสัมผัส เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีชื่อว่า รูปแบบ“CBL+MSL.” มีขั้นตอนในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 6 ขั้นตอนดังนี้ ขั้นที่ 1 ขั้นสร้างความตระหนัก (นำสู่บทเรียน) ขั้นที่ 2 ขั้นระดมพลังความคิด (เล่าประสบการณ์) ขั้นที่ 3 ขั้นสร้างผลงานศิลปะ (ผัสสะ มโนทัศน์ สรุปวางแผนปฏิบัติ สร้างสรรค์ผลงานศิลป์) ขั้นที่ 4 ขั้นนำเสนอผลงาน ขั้นที่ 5 ขั้นการวัดและประเมินผล
ขั้นที่ 6 ขั้นการเผยแพร่ผลงาน การทดสอบหาประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ พบว่า มีประสิทธิภาพเท่ากับ 85.42/83.25 สูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้
2. ประสิทธิผลของรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ศิลปะ (ทัศนศิลป์) ตามแนวคิดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์เป็นฐานร่วมกับการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบพหุสัมผัส เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 พบว่า 2.1) นักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ศิลปะ (ทัศนศิลป์) ตามแนวคิดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์เป็นฐานร่วมกับการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบพหุสัมผัส เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2.2) นักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ศิลปะ (ทัศนศิลป์) ตามแนวคิดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์เป็นฐานร่วมกับการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบพหุสัมผัส เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีความสามารถในการคิดสร้างสรรค์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2.3) นักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ศิลปะ (ทัศนศิลป์) ตามแนวคิดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์เป็นฐาน ร่วมกับการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบพหุสัมผัส เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีความพึงพอใจภาพรวมอยู่ในระดับ มากที่สุด ค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.57 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S) เท่ากับ 0.24
3. การขยายผลรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ศิลปะ (ทัศนศิลป์) ตามแนวคิดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์เป็นฐาน ร่วมกับการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบพหุสัมผัส เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 พบว่า 3.1) นักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ศิลปะ (ทัศนศิลป์) ตามแนวคิดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์เป็นฐานร่วมกับการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบพหุสัมผัส เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีความสามารถในการคิดสร้างสรรค์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3.2) นักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ศิลปะ (ทัศนศิลป์) ตามแนวคิดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์เป็นฐานร่วมกับการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบพหุสัมผัส เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีความพึงพอใจภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.56 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S) เท่ากับ 0.24