การเรียนรู้โดยใช้กระบวนการ 5STEPS ร่วมกับชุดการสอนแบบศูนย์การเรี
ชื่อวิจัย การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการ 5 STEPS
ร่วมกับชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน เรื่อง กฎหมายน่ารู้
สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ผู้วิจัย นายประสงค์ ปุกคำ
สังกัด โรงเรียนเทศบาล 1 (วัดพรหมวิหาร) สังกัดกองการศึกษาเทศบาลตำบลแม่สาย
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย
ปีที่วิจัย 2563
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการ 5STEPS ร่วมกับชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน เรื่อง กฎหมายน่ารู้ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) 2 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการ 5 STEPS ร่วมกับชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน เรื่อง กฎหมายน่ารู้ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการ 5 STEPS ร่วมกับชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน เรื่อง กฎหมายน่ารู้ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มตัวอย่างใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา ปีที่ 6/3 โรงเรียนเทศบาล 1 (วัดพรหมวิหาร) อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวนนักเรียน 29 คน ได้จากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลประกอบไปด้วยเครื่องมือต่าง ๆ ดังนี้ 1) ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน เรื่อง กฎหมายน่ารู้ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 3 ชุด 2) แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการ 5 Steps หน่วยการเรียนรู้เรื่องกฎหมายน่ารู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวนทั้งหมด 5 แผน 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หน่วยการเรียนรู้เรื่องกฎหมายน่ารู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ 4) แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนต่อกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการ 5STEPS ร่วมกับชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน เรื่อง กฎหมายน่ารู้ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 12 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมติฐาน โดยใช้ t-test (Dependent Samples)
ผลการวิจัยพบว่า
1..การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการ 5STEPS ร่วมกับชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน เรื่อง กฎหมายน่ารู้ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 3 ชุด พบว่า มีประสิทธิภาพของกระบวนการและประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E1/E2) เท่ากับ 82.90 / 80.15 ซึ่งมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80
2.. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการ 5STEPS ร่วมกับชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน เรื่อง กฎหมายน่ารู้ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการ 5STEPS ร่วมกับชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน เรื่อง กฎหมายน่ารู้ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่าระดับความพึงพอใจของนักเรียน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก
ร่วมกับชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน เรื่อง กฎหมายน่ารู้
สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ผู้วิจัย นายประสงค์ ปุกคำ
สังกัด โรงเรียนเทศบาล 1 (วัดพรหมวิหาร) สังกัดกองการศึกษาเทศบาลตำบลแม่สาย
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย
ปีที่วิจัย 2563
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการ 5STEPS ร่วมกับชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน เรื่อง กฎหมายน่ารู้ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) 2 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการ 5 STEPS ร่วมกับชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน เรื่อง กฎหมายน่ารู้ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการ 5 STEPS ร่วมกับชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน เรื่อง กฎหมายน่ารู้ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มตัวอย่างใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา ปีที่ 6/3 โรงเรียนเทศบาล 1 (วัดพรหมวิหาร) อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวนนักเรียน 29 คน ได้จากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลประกอบไปด้วยเครื่องมือต่าง ๆ ดังนี้ 1) ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน เรื่อง กฎหมายน่ารู้ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 3 ชุด 2) แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการ 5 Steps หน่วยการเรียนรู้เรื่องกฎหมายน่ารู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวนทั้งหมด 5 แผน 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หน่วยการเรียนรู้เรื่องกฎหมายน่ารู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ 4) แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนต่อกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการ 5STEPS ร่วมกับชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน เรื่อง กฎหมายน่ารู้ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 12 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมติฐาน โดยใช้ t-test (Dependent Samples)
ผลการวิจัยพบว่า
1..การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการ 5STEPS ร่วมกับชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน เรื่อง กฎหมายน่ารู้ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 3 ชุด พบว่า มีประสิทธิภาพของกระบวนการและประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E1/E2) เท่ากับ 82.90 / 80.15 ซึ่งมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80
2.. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการ 5STEPS ร่วมกับชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน เรื่อง กฎหมายน่ารู้ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการ 5STEPS ร่วมกับชุดการสอนแบบศูนย์การเรียน เรื่อง กฎหมายน่ารู้ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่าระดับความพึงพอใจของนักเรียน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก