LASTEST NEWS

27 พ.ย. 2567สพฐ.มีหนังสือ ด่วนที่สุด! ให้นำแนวทาง PISA มาใช้ในการประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียน และการสรรหาบุคลากร ทุกตำแหน่ง 27 พ.ย. 2567บอร์ดก.ค.ศ.เคาะร่างแนวปฏิบัติการย้ายครู ผ่านระบบ TRS เตรียมเปิดใช้งาน มกราคม 2568 27 พ.ย. 2567โรงเรียนแคมป์สนวิทยาคม รับสมัครครูอัตราจ้าง วิชาเอกภาษาจีน เงินเดือน 12,000.-บาท ตั้งแต่บัดนี้ - 1 ธันวาคม 2567 27 พ.ย. 2567ด่วนที่สุด!! ที่ ศธ 04009/ว7543 เรื่อง การจ้างผู้ปฏิบัติงานให้ราชการ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 27 พ.ย. 2567สพฐ. กำชับเขตพื้นที่เร่งคลายทุกข์ลูกจ้าง เดินหน้าพาเด็กกลับเข้าระบบการศึกษา พร้อมจัดงบประมาณแนวใหม่ตอบโจทย์นโยบาย “เรียนดี มีความสุข” 26 พ.ย. 2567สพฐ. เข้ม สั่งครูล่วงละเมิดนักเรียนออกจากราชการทันที ย้ำดูแลสภาพจิตใจเด็กเป็นสำคัญ 26 พ.ย. 2567สพฐ.เล็งทำบัตรสุขภาพนักเรียนออนไลน์ 26 พ.ย. 2567ทำไมครูส่วนใหญ่ ไม่สนใจสมัครสอบเป็นศึกษานิเทศก์ 26 พ.ย. 2567ก.พ.ยังนิ่งปมทบทวนจ้างเหมาบริการ “ธนุ” ไม่รอแล้วสั่งทำสัญญาจ่ายเงิน ตามระเบียบกรมบัญชีกลาง 25 พ.ย. 2567ล 1932/2567 หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู และที่แก้ไขเพิ่มเติม

รายงานการประเมินโครงการการบริหารโรงเรียนแบบมีส่วนร่วม เพื่อพัฒนา

usericon

ชื่อเรื่อง     รายงานการประเมินโครงการการบริหารโรงเรียนแบบมีส่วนร่วม เพื่อพัฒนาคุณภาพ
การศึกษา โรงเรียนบ้านหนองเกตุ ปีงบประมาณ 2563
ผู้รายงาน     นางสาววิลาวัลย์ คำสว่าง
ปีที่ดำเนินการ     ปีงบประมาณ 2563

บบทคัดย่อ

    รายงานการประเมินโครงการการบริหารโรงเรียนแบบมีส่วนร่วม เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา โรงเรียนบ้านหนองเกตุ กำหนดวัตถุประสงค์ 1) เพื่อประเมินโครงการการบริหารโรงเรียนแบบมีส่วนร่วม เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา ใช้รูปแบบการประเมินแบบซิปโมเดล (CIPP Model) ประกอบด้วยการประเมินด้านสภาพแวดล้อม ด้านปัจจัยนำเข้า ด้านกระบวนการและด้านผลผลิต ที่ได้จากการดำเนินการโครงการ ตามความคิดเห็นของครูและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนบ้านหนองเกตุ 2) เพื่อประเมินผลลัพธ์ของโครงการการบริหารโรงเรียนแบบมีส่วนร่วม เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาตามความคิดเห็นของนักเรียนและผู้ปกครอง 3) เพื่อศึกษาการปฏิบัติที่เป็นเลิศของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการมีส่วนร่วมพัฒนาการศึกษาของโรงเรียนบ้านหนองเกตุ โดยกำหนดกลุ่มผู้ให้ข้อมูลในการประเมินจำนวนทั้งสิ้น 87 คน ประกอบด้วยครู จำนวน 4 คน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนบ้านหนองเกตุ จำนวน 7 คน (ไม่รวมผู้อำนวยการโรงเรียนและครูในxxxส่วนตัวแทนครู) นักเรียนจำนวน 35 คน ผู้ปกครองนักเรียนและผู้นำชุมชน จำนวน 47 คน เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินครั้งนี้ จำนวน 6 ฉบับ เป็นเครื่องมือ 2 ลักษณะ คือแบบประเมินที่มีลักษณะเป็นมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ (Rating Scale) จำนวน 4 ฉบับ ทุกฉบับมีการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือทุกฉบับ ได้ค่าความเชื่อมั่นระหว่าง .87-.93 และแบบบันทึกข้อมูลตามสภาพจริงเกี่ยวกับผลสัมฤทธิ์ทางเรียนระดับสถานศึกษาและแบบบันทึกผลการประเมินสมรรถนะสำคัญของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

ผลการประเมิน
การประเมินโครงการการบริหารโรงเรียนแบบมีส่วนร่วม เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา โรงเรียนบ้านหนองเกตุ ปีงบประมาณ 2563 พบความสำเร็จในกิจกรรมทุกกิจกรรมและความสำเร็จในภาพรวมของโครงการ ซึ่งมีผลการประเมินได้ข้อสรุปดังนี้
1. ผลการประเมินโครงการการบริหารโรงเรียนแบบมีส่วนร่วม เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยใช้ซิปโมเดล (CIPP Model) พบผลการประเมิน ดังนี้
    ด้านบริบท (context) โดยภาพรวมเกี่ยวกับความต้องการจำเป็นของโครงการและความเป็นไปได้อยู่ในระดับมาก ทุกภาคส่วนเห็นว่ากิจกรรมในโครงการจะวามารถตอบสนองความต้องการด้านคุณภาพนักเรียนของโรงเรียนบ้านหนองเกตุ และมีความเป็นไปได้ที่จะดำเนินการให้ประสบความสำเร็จ โดยการสื่อสารทำความเข้าใจถึงการบริหารแบบมีส่วนร่วมที่มีแนวคิดพื้นฐานมาจากความเชื่อเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ที่มีความต้องการพื้นฐาน ความคิดเกี่ยวกับความเป็นองค์กรสำคัญของโรงเรียน ใช้รูปแบบของการตัดสินใจ การสร้างแรงจูงใจที่เหมาะสม ตลอดจนทักษะเฉพาะในการบริหารตามทฤษฎีการบริหาร
    ด้านปัจจัยนำเข้า (Input) โดยภาพรวมของการดำเนินการในโครงการการบริหารโรงเรียนแบบมีส่วนร่วม เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาโรงเรียนบ้านหนองเกตุ มีความเหมาะสม กิจกรรมการปฏิบัติมีความสมบูรณ์จากความมุ่งมั่นของผู้อำนวยการโรงเรียน ที่มีกลยุทธ์การบริหารในยุคปัจจุบัน ที่มุ่งเน้น การบริหารงานแบบมีส่วนร่วม ซึ่งเกิดขึ้นโดยการที่ผู้บริหาร ครู ผู้ปกครอง ชุมชน สังคม องค์กรเอกชน องค์กรภาครัฐและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เข้ามามีส่วนร่วมคิดร่วมทำ ร่วมรับผิดชอบ ร่วมภาคภูมิใจ ทั้งนี้มีส่วนที่ควรคำนึงถึงคือการวางแผนการจัดหางบประมาณมารองรับกิจกรรมเพิ่มเติมตามแนวคิดใหม่จากการร่วมคิดร่วมทำ ซึ่งอาจจัดหางบประมาณโดยรับการสนับสนุนจากองค์กรภายนอก
    ด้านกระบวนการ (Process) ผลการประเมินกระบวนการมีส่วนร่วมในโครงการ การรับรู้สู่การปฏิบัติโดยรวมอยู่ในระดับมาก และผลการประเมินพบกระบวนการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาตามแนวทางการดำเนินการ ประกอบด้วย 1) สำรวจความต้องการ การสำรวจข้อมูลพื้นฐาน 2) การกำหนดมาตรฐานของสถานศึกษา 3) การวางแผนพัฒนาสถานศึกษาตามวิสัยทัศน์ พันธกิจ 4) กิจกรรมการปฏิบัติ ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ 5) การประเมินผลการปฏิบัติงาน 6) การสรุปผลการมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนากระบวนการทำงานร่วมกัน ซึ่งผลการประเมินอยู่ในระดับปานกลางถึงระดับมาก ส่วนปัญหาที่พบคือด้านการสื่อสาร ควรเป็นการสื่อสารสองทาง ให้บุคลากรภายในและบุคคลภายนอกตลอดจนองค์กรสนับสนุนทุกภาคส่วน มีช่องทางเสนอแนวทางความคิดการพัฒนาได้อย่างเต็มที่
    ด้านผลผลิต (Output) ของโครงการ พบว่า โรงเรียนบ้านหนองเกตุ มีข้อมูลพื้นฐานเพื่อการบริหารจัดการศึกษาให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ พันธกิจที่กำหนด ตลอดจนสามารถปฏิบัติกิจกรรมตามแผนสู่ความสำเร็จได้ครบถ้วน มีการประเมินผลอย่างหลากหลาย ที่สำคัญส่งผลให้ผลผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับโรงเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 ที่ได้ระดับ 3 ขึ้นไปในสาระวิชาหลัก และผลการประเมินสมรรถนะสำคัญตามหลักสูตรของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 มีการพัฒนาขึ้นจากปีการศึกษา ที่ผ่านมา
    
2. ผลลัพธ์จากการดำเนินการโครงการการบริหารโรงเรียนแบบมีส่วนร่วม เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา มีดังนี้
    2.1 ผลที่เกิดขึ้นกับโรงเรียน พบว่า ครู ผู้ปกครองนักเรียน บุคคลและองค์กรในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา ช่วยขับเคลื่อนให้การบริหารจัดการศึกษาดำเนินไปตามวิสัยทัศน์ พันธกิจของโรงเรียนและความต้องการของผู้ปกครองและชุมชน ช่วยให้สถานศึกษาได้รับการยอมรับจากชุมชน ชุมชนรักและหวงแหนสถานศึกษา ซึ่งส่งผลให้ผู้ปกครองและชุมชนสนับสนุนทรัพยากรเพื่อพัฒนาการศึกษา และให้ความร่วมมือกับสถานศึกษาในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยความเต็มใจ
    2.2 ผลที่เกิดขึ้นกับนักเรียน นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับสถานศึกษา และผลการประเมินสมรรถนะสำคัญตามหลักสูตรของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 มีค่าเฉลี่ยสูงขึ้น ได้เรียนรู้อย่างมีคุณภาพท่ามกลางบรรยากาศที่ร่มรื่นสวยงาม
    2.3 ผลที่เกิดขึ้นกับครู สามารถสร้างความรู้สึกที่ดีในการปฏิบัติงาน และการเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานทุกระดับได้ใช้ความรู้ ความสามารถของตนเองให้เกิดประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานได้อย่าง เต็มความสามารถและมีประสิทธิภาพ
    2.4 ผลที่เกิดขึ้นกับชุมชนและผู้ปกครอง พบว่าการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชนในการจัดการศึกษานับเป็นกระบวนการที่สำคัญที่จะช่วยพัฒนาการศึกษาให้ตอบสนองความต้องการของท้องถิ่นโดยเฉพาะโรงเรียนบ้านหนองเกตุ บุคคลในชุมชนจะเข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนทรัพยากรทางการศึกษา รวมถึงการเชิญผู้ปกครองที่มีความรู้และมีเวลาว่างมาเป็นครูพ่อ ครูแม่ ให้ความรู้ทางวิชาการด้านภูมิปัญญากับบุตรหลาน เกิดผลดีทั้งต่อโรงเรียนที่ได้บุคลากรเพิ่ม ส่วนผู้ปกครองย่อมภาคภูมิใจที่ได้สอนบุตรหลานในโรงเรียน รวมถึงนักเรียนจะมีความเคารพและนับถือในตัวผู้ปกครองเพิ่มมากขึ้นซึ่งเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชุนชม

3. ผลการปฏิบัติที่เป็นเลิศจากโครงการการบริหารโรงเรียนแบบมีส่วนร่วม เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา ได้องค์ความรู้สู่การปฏิบัติ เป็นแนวทางสร้างความสำเร็จให้โรงเรียนบ้านหนองเกตุ 10 ประการ ประกอบด้วย 1) การสร้างความศรัทธาและความเชื่อมั่นต่อชุมชน 2) การฝึกให้ตนเป็นคนใจกว้างและมีจิตสาธารณะ 3) ตระหนักในสิ่งที่จำเป็นและขาดแคลนไม่วางเฉย ทุกอย่างทำได้หากตั้งใจทำ 4) หมั่นสร้างและปรุงแต่งตนเองให้เป็นบุคคลที่มีเสน่ห์เป็นที่ชื่นชมศรัทธาของชุมชนและเพื่อร่วมงาน 5) อ่อนน้อมถ่อมตนวางตัวเรียบง่ายอยู่กับชุมชนและเพื่อนร่วมงานได้ทุกเวลา 6) หลีกเลี่ยงการโต้แย้งที่ไร้เหตุผล ยึดมั่นทักษะการประนีประนอม 7) ให้การต้อนรับชุมชนด้วยบรรยากาศมิตรภาพ 8) วิเคราะห์ชุมชนให้ลึกซึ้ง เพื่อสำรวจจุดเด่น จุดด้อย เพื่อเป็นฐานข้อมูลในการพัฒนา 9) หมั่นแสวงหาแหล่งงบประมาณจากภายนอกมาสนับสนุนเพิ่มเติม โดยใช้โครงการที่มีประสิทธิภาพ 10) สร้างและพัฒนาค่านิยมการสร้างสัมพันธภาพกับชุมชน อย่างสม่ำเสมอ

ข้อเสนอแนะในการพัฒนา
    1. ปัญหาสำคัญของการดำเนินการโครงการในครั้งนี้คือเรื่องของงบประมาณ และจุดเด่นที่พบ จากผลการปฏิบัติที่เป็นเลิศคือการเกิดเครือข่ายชุมชนและข้อคิดการปฏิบัติต่อชุมชน ดังนั้นผู้บริหารโรงเรียนควรใช้เครือข่ายชุมชนและแนวทางการปฏิบัติดังกล่าว กำหนดแนวทางร่วมกันจัดหางบประมาณมาส่งเสริม พัฒนากิจกรรมโครงการให้สามารถดำเนินต่อยอดให้ได้มีประสิทธิภาพขึ้นอีก
    2. การนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาบูณาการในการจัดการเรียนการสอนของครู ทำให้มีแหล่งค้นคว้าที่หลากหลาย ทำให้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนมีความสอดคล้องกับบริบท ดังนั้นจึงควรมีการพัฒนาหลักสูตรของโรงเรียนขึ้นมาใหม่ เพื่อบูรณาการแบบองค์รวมที่มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับบริบทการเรียนรู้ของนักเรียนโดยตรง กอปรกับการที่ดึงชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมจะทำให้โลกการเรียนรู้ของนักเรียนกว้างขึ้น อีกทั้งยังสามารถขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนมาให้ความรู้เฉพาะด้านได้ อันจะทำให้เกิด การใช้องค์ความรู้ที่มีอยู่ในท้องถิ่นอย่างเต็มศักยภาพ
ร่วมแสดงความคิดเห็น
เงื่อนไข การร่วมแสดงความคิดเห็น!

ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือ ชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาแจ้งมาที่ แนะนำติชม เพื่อให้ผู้ควบคุมระบบทราบและทำการลบข้อความนั้น ออกจากระบบต่อไป

ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้

^