รายงานผลการใช้ยุทธศาสตร์ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในโรงเรียนกุญชร
ชื่อเรื่อง รายงานผลการใช้ยุทธศาสตร์ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในโรงเรียนกุญชรศิรวิทย์ สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ
ผู้วิจัย นางคุณากร บุญสาลี
ปีที่ทำวิจัย 2561 - 2562
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบัน จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาสและอุปสรรคในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในโรงเรียนกุญชรศิรวิทย์ 2) สร้างยุทธศาสตร์ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในโรงเรียนกุญชรศิรวิทย์ และ 3) เพื่อประเมินผลการทดลองใช้ยุทธศาสตร์ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในโรงเรียนกุญชรศิรวิทย์ โดยใช้กระบวนการวิจัยและพัฒนา ซึ่งแบ่งการดำเนินการวิจัยเป็น 3 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นตอนที่ 1 การศึกษา สภาพปัจจุบัน จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาสและอุปสรรคในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในโรงเรียนกุญชรศิรวิทย์ กลุ่มผู้ให้ข้อมูลในขั้นตอนนี้ ได้แก่ คณะครูและบุคลากรทางการศึกษา โรงเรียนกุญชรศิรวิทย์ จำนวน 14 คน และศึกษานิเทศก์ จำนวน 2 คน รวมทั้งสิ้น 16 คน ขั้นตอนที่ 2 การสร้างยุทธศาสตร์ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในโรงเรียนกุญชรศิรวิทย์ กลุ่มผู้ให้ข้อมูลในขั้นตอนนี้ได้แก่ ครูและบุคลากรทางการศึกษา โรงเรียนกุญชรศิรวิทย์ จำนวน14 คน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนกุญชรศิรวิทย์ จำนวน 9 คน ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา รวมทั้งสิ้น 12 ท่านและขั้นตอนที่ 3 การประเมินผลการทดลองใช้ยุทธศาสตร์ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในโรงเรียนกุญชรศิรวิทย์ กลุ่มผู้ให้ข้อมูลในขั้นตอนนี้ ประกอบด้วย คณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบและประเมินคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษาประจำภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 5 คน ครูโรงเรียน กุญชรศิรวิทย์ 14 คน คณะกรรมการสถานศึกษา ขั้นพื้นฐานโรงเรียนกุญชรศิรวิทย์ จำนวน 9 คน และผู้ปกครองนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 - 6 ที่เข้าร่วมประชุมผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 136 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย และมีความยินดี เต็มใจในการให้ข้อมูลในการวิจัย
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบวิเคราะห์เอกสาร แบบบันทึกการจัดการสนทนากลุ่ม (Focus Group Discussion) แบบประเมินความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของกลยุทธ์ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาแบบประเมินคุณภาพการศึกษา มีลักษณะเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ แบบบันทึกผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1– 6 แบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า
1. สภาพปัจจุบัน จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาสและอุปสรรคในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ในโรงเรียนกุญชรศิรวิทย์ พบว่า ในปีการศึกษา 2561 มีจำนวนนักเรียน จำนวน 201 คน ผลการประเมินคุณภาพภายนอกรอบ 3 จากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา(องค์การมหาชน) อยู่ในระดับต่ำกว่าดีมาก จุดแข็ง/โอกาสที่ทำให้มีคุณภาพ โรงเรียนมีการดำเนินกิจกรรมเพื่อพัฒนาผู้เรียนอย่างหลากหลาย มีการจัดระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่เป็นรูปธรรม ชุมชนมีความเข้มแข็งและมีส่วนร่วมในการพัฒนาการศึกษาอย่างต่อเนื่อง จุดอ่อนที่ควรพัฒนา/อุปสรรค ที่ทำให้ไม่มีคุณภาพควรพัฒนาผลสัมฤทธิ์ระดับโรงเรียนและระดับชาติให้สูงขึ้น ควรมีการประสานงานกับปราชญ์ ผู้รู้ เพื่อนำภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้ามาใช้ในการจัดการเรียนการสอนในสถานศึกษาอย่างหลากหลาย ควรมีโครงการกิจกรรมพิเศษเด่นชัดตอบสนองนโยบาย จุดเน้นตามแนวทางปฏิรูปการศึกษา ควรส่งเสริมการมีส่วนร่วมของครู ผู้เรียน ผู้ปกครอง และผู้เกี่ยวข้องต่อการดำเนินงานตามโครงการกิจกรรมพิเศษ
2. ผลการสร้างยุทธศาสตร์ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในโรงเรียนกุญชรศิรวิทย์ พบว่า ประกอบด้วยยุทธศาสตร์4ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่1พัฒนาระบบการบริหาร หลักสูตรกระบวนการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญและพัฒนาบุคลากรทางการศึกษา ประกอบด้วย กลยุทธ์12กลยุทธ์ ยุทธศาสตร์ที่2พัฒนาสภาพแวดล้อม แหล่งเรียนรู้ วิจัย และนวัตกรรมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ประกอบด้วยกลยุทธ์3กลยุทธ์ ยุทธศาสตร์ที่3สร้างผู้เรียนให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิตประกอบด้วยกลยุทธ์2กลยุทธ์ และยุทธศาสตร์ที่4การนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ชีวิตประจำวันดำรงตนอยู่ในสังคมอย่างมีความสุขประกอบด้วย กลยุทธ์2กลยุทธ์ ซึ่งจากการประเมินยุทธศาสตร์และกลยุทธ์พบว่า มีความเหมาะสมและความเป็นไปได้โดยรวมอยู่ในระดับมาก
3. ผลประเมินผลการทดลองใช้ยุทธศาสตร์ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในโรงเรียน กุญชรศิรวิทย์ พบว่า ผลการวิเคราะห์การประเมินคุณภาพการศึกษาโรงเรียนกุญชรศิรวิทย์ ปีการศึกษา 2561 มีค่าเฉลี่ย 74.35 อยู่ในระดับดีเลิศ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 - 6 โดยรวมปีการศึกษา 2561 มีค่าเฉลี่ยคิดเป็นร้อยละ 75.32 ซึ่งมีพัฒนาการสูงขึ้นคิดเป็นร้อยละ 2.43 และผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจที่มีต่อของกลุ่มผู้ให้ข้อมูลที่มีต่อกลยุทธ์ที่สร้างขึ้น พบว่า โดยภาพรวมทุกกลุ่มมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก