รูปแบบการเรียนรู้พหุปัญญาด้านมนุษย์สัมพันธ์ของนักเรียนชั้นประถมศ
ชื่อเรื่อง รูปแบบการเรียนรู้พหุปัญญาด้านมนุษย์สัมพันธ์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเทศบาล 1 สว่างวิทยา
ผู้รายงาน ว่าที่ร้อยตรีหญิงปัทมพร สุนทร
โรงเรียน โรงเรียนเทศบาล 1 สว่างวิทยา สำนักการศึกษา เทศบาลเมืองหนองคาย อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย
ปีที่ศึกษา 2564
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้ มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษารูปแบบการเรียนรู้พหุปัญญาด้านมนุษย์สัมพันธ์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเทศบาล 1 สว่างวิทยา โดยศึกษาจากประชากรนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่ใช้ในการวิจัย จำนวน 30 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ (1) แบบสำรวจประเมินรูปแบบการเรียนรู้
(2) แบบสำรวจประเมินพหุปัญญา และ (3) แบบสำรวจประเมินความฉลาดทางอารมณ์
ผลการวิจัยพบว่า (1) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 30 คน ส่วนใหญ่เรียนรู้ได้ดีที่สุด จากการการสัมผัส คิดเป็นร้อยละ 34.07 รองลงมาเรียนรู้ได้ดีจากการใช้สัมผัส คิดเป็นร้อยละ 20.86 และรูปแบบการเรียนรู้ที่ไม่ถนัดที่สุดคือ เรียนรู้ตามลำพัง คิดเป็นร้อยละ 43.34 ตามลำดับ (2) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 30 คน ส่วนใหญ่มีความถนัดทางด้านศิลปะและดนตรีมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 17.86 รองลงมา คือ ด้านกีฬาและสัมผัส คิดเป็นร้อยละ 18.31 และด้านธรรมชาติ คิดเป็นร้อยละ 13.20 ตามลำดับ (3) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 30 คน ส่วนใหญ่ มีความฉลาดทางอารมณ์ต่ำกว่าเกณฑ์ปกติอยู่ในระดับมาก คือ ด้านรับผิดชอบ คิดเป็นร้อยละ 12.78 รองมา คือ ด้านตัดสินใจ คิดเป็นร้อยละ 15.20 ด้านมีแรงจูงใจ คิดเป็นร้อยละ 15.18 ด้านสัมพันธภาพ คิดเป็นร้อยละ 12.32 ด้านพึงพอใจในชีวิต คิดเป็นร้อยละ 14.02 ด้านเห็นใจผู้อื่น คิดเป็นร้อยละ 11.76 ด้านสุขสงบทางใจ คิดเป็นร้อยละ 13.33 และด้านภูมิใจในตนเอง คิดเป็นร้อยละ 07.65 และด้านควบคุมอารมณ์ คิดเป็นร้อยละ 2.98
ผู้รายงาน ว่าที่ร้อยตรีหญิงปัทมพร สุนทร
โรงเรียน โรงเรียนเทศบาล 1 สว่างวิทยา สำนักการศึกษา เทศบาลเมืองหนองคาย อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย
ปีที่ศึกษา 2564
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้ มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษารูปแบบการเรียนรู้พหุปัญญาด้านมนุษย์สัมพันธ์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเทศบาล 1 สว่างวิทยา โดยศึกษาจากประชากรนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่ใช้ในการวิจัย จำนวน 30 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ (1) แบบสำรวจประเมินรูปแบบการเรียนรู้
(2) แบบสำรวจประเมินพหุปัญญา และ (3) แบบสำรวจประเมินความฉลาดทางอารมณ์
ผลการวิจัยพบว่า (1) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 30 คน ส่วนใหญ่เรียนรู้ได้ดีที่สุด จากการการสัมผัส คิดเป็นร้อยละ 34.07 รองลงมาเรียนรู้ได้ดีจากการใช้สัมผัส คิดเป็นร้อยละ 20.86 และรูปแบบการเรียนรู้ที่ไม่ถนัดที่สุดคือ เรียนรู้ตามลำพัง คิดเป็นร้อยละ 43.34 ตามลำดับ (2) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 30 คน ส่วนใหญ่มีความถนัดทางด้านศิลปะและดนตรีมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 17.86 รองลงมา คือ ด้านกีฬาและสัมผัส คิดเป็นร้อยละ 18.31 และด้านธรรมชาติ คิดเป็นร้อยละ 13.20 ตามลำดับ (3) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 30 คน ส่วนใหญ่ มีความฉลาดทางอารมณ์ต่ำกว่าเกณฑ์ปกติอยู่ในระดับมาก คือ ด้านรับผิดชอบ คิดเป็นร้อยละ 12.78 รองมา คือ ด้านตัดสินใจ คิดเป็นร้อยละ 15.20 ด้านมีแรงจูงใจ คิดเป็นร้อยละ 15.18 ด้านสัมพันธภาพ คิดเป็นร้อยละ 12.32 ด้านพึงพอใจในชีวิต คิดเป็นร้อยละ 14.02 ด้านเห็นใจผู้อื่น คิดเป็นร้อยละ 11.76 ด้านสุขสงบทางใจ คิดเป็นร้อยละ 13.33 และด้านภูมิใจในตนเอง คิดเป็นร้อยละ 07.65 และด้านควบคุมอารมณ์ คิดเป็นร้อยละ 2.98