การพัฒนาแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง จำนวนเชิงซ้อน
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ของการวิจัย (1) เพื่อสร้างแบบฝึกทักษะ เรื่อง จำนวนเชิงซ้อน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (2) เพื่อทดลองใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง จำนวนเชิงซ้อน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 และศึกษาผลการทดลองใช้แบบฝึกทักษะโดย (2.1) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง จำนวนเชิงซ้อน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 กับเกณฑ์ร้อยละ 80 และ (2.2) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง จำนวนเชิงซ้อน
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/2 โรงเรียนเบ็ตตี้ดูเมน 2 ช่องเม็ก สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี จำนวน 28 คน ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ (1) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องจำนวนเชิงซ้อน จำนวน 7 แผน (2) แบบฝึกทักษะ เรื่อง จำนวนเชิงซ้อน จำนวน 7 เล่ม (3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง จำนวนเชิงซ้อน จำนวน 40 ข้อที่มีค่าความยาก (P) มีค่าตั้งแต่ 0.34 – 0.78 ค่าอำนาจจำแนก (B) มีค่าตั้งแต่ 0.27 - 0.72 และมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.89 วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยและค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนกับเกณฑ์ โดยใช้สถิติทดสอบค่า t-test และศึกษาความพึงพอใจในการเรียนรู้คณิตศาสตร์โดยใช้แบบฝึกทักษะ โดยหาค่าเฉลี่ยและค่า ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า
1. แบบฝึกทักษะเรื่อง จำนวนเชิงซ้อน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.57, SD = 0.18) และมีประสิทธิภาพโดยรวมเท่ากับ 82.78/83.51 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง จำนวนเชิงซ้อน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. นักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว มีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะในระดับมากที่สุด ( = 4.61, SD = 0.33)
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/2 โรงเรียนเบ็ตตี้ดูเมน 2 ช่องเม็ก สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี จำนวน 28 คน ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ (1) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องจำนวนเชิงซ้อน จำนวน 7 แผน (2) แบบฝึกทักษะ เรื่อง จำนวนเชิงซ้อน จำนวน 7 เล่ม (3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง จำนวนเชิงซ้อน จำนวน 40 ข้อที่มีค่าความยาก (P) มีค่าตั้งแต่ 0.34 – 0.78 ค่าอำนาจจำแนก (B) มีค่าตั้งแต่ 0.27 - 0.72 และมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.89 วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยและค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนกับเกณฑ์ โดยใช้สถิติทดสอบค่า t-test และศึกษาความพึงพอใจในการเรียนรู้คณิตศาสตร์โดยใช้แบบฝึกทักษะ โดยหาค่าเฉลี่ยและค่า ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า
1. แบบฝึกทักษะเรื่อง จำนวนเชิงซ้อน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.57, SD = 0.18) และมีประสิทธิภาพโดยรวมเท่ากับ 82.78/83.51 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง จำนวนเชิงซ้อน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. นักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว มีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะในระดับมากที่สุด ( = 4.61, SD = 0.33)