การพัฒนารูปแบบการสอนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบชุดกิจกรรม
ชื่อผู้รายงาน : นางพรรณกร นนทะการ
พุทธศักราช : 256๓
บทคัดย่อ
การรายงานครั้งนี้มีความมุ่งหมาย เพื่อพัฒนารูปแบบการสอนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่อง การอ่านวิเคราะห์วรรณกรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ 1) เพื่อหาประสิทธิภาพของการพัฒนารูปแบบการสอนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่อง การอ่านวิเคราะห์วรรณกรรมชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของการพัฒนารูปแบบการสอนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่องการอ่านวิเคราะห์วรรณกรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียน จากการพัฒนารูปแบบการสอนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่อง การอ่านวิเคราะห์วรรณกรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการพัฒนารูปแบบการสอนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่องการอ่านวิเคราะห์วรรณกรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ประชากรที่ใช้ในการรายงาน คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕/1 และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕/2 โรงเรียนเทศบาลเมืองเขาสามยอด ๑ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา 256๓ จำนวน 60 คน เครื่องมือที่ใช้ คือ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการสอนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD 2) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่องการอ่านวิเคราะห์วรรณกรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 30 ข้อ ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.80 และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจ จำนวน 20 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่า t-test และดัชนีประสิทธิผล
ผลการรายงานปรากฏ ดังนี้
1. ประสิทธิภาพของการพัฒนารูปแบบการสอนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่อง การอ่านวิเคราะห์วรรณกรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนเทศบาลเมืองเขาสามยอด ๑ เท่ากับ 85.94/84.90 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้
2. ค่าดัชนีประสิทธิผลของการพัฒนารูปแบบการสอนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่อง การอ่านวิเคราะห์วรรณกรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ มีค่าเท่ากับ 0.6787 แสดงว่านักเรียนมีความก้าวหน้าในการเรียนรู้ เพราะมีคะแนนเพิ่มขึ้นร้อยละ 67.87
3. คะแนนประเมินผลหลังการพัฒนารูปแบบการสอนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่อง การอ่านวิเคราะห์วรรณกรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ มีความแตกต่างกับคะแนนประเมินผลก่อนการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่อง การอ่านวิเคราะห์วรรณกรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 นั่นคือ การจัดการเรียนการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่อง การอ่านวิเคราะห์วรรณกรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ที่มีการนำชุดกิจกรรมการเรียนรู้ มาประกอบการจัดการเรียนรู้ นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงขึ้นกว่าก่อนเรียนเรื่อง การอ่านวิเคราะห์วรรณกรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕
4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยรูปแบบการสอนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่อง การอ่านวิเคราะห์วรรณกรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ในระดับพึงพอใจมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.52