การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา ป.2
ตามศาสตร์พระราชา เพื่อส่งเสริมการคิดแก้ปัญหาและการคิดสร้างสรรค์
สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
ชื่อผู้ศึกษา : นางประภาพร เอียดดำ
ปีที่ศึกษา : ปีการศึกษา 2561
บทคัดย่อ
การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา.บูรณาการตามศาสตร์พระราชา เพื่อส่งเสริมการคิดแก้ปัญหาและการคิดสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่.2(มีวัตถุประสงค์.1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา.บูรณาการตามศาสตร์พระราชา.เพื่อส่งเสริมการคิดแก้ปัญหาและการคิดสร้างสรรค์ ชั้นประถมศึกษาปีที่.2. 2) เพื่อพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา.บูรณาการตามศาสตร์พระราชา เพื่อส่งเสริมการคิดแก้ปัญหาและการคิดสร้างสรรค์ ชั้นประถมศึกษาปีที่.2 ให้มีประสิทธิภาพ 80/80.3) เพื่อทดลองใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา.บูรณาการตามศาสตร์พระราชา เพื่อส่งเสริมการคิดแก้ปัญหาและการคิดสร้างสรรค์ ชั้นประถมศึกษาปีที่.2 4).เพื่อประเมินประสิทธิผลชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา.บูรณาการตามศาสตร์พระราชา เพื่อส่งเสริมการคิดแก้ปัญหาและการคิดสร้างสรรค์ ชั้นประถมศึกษาปีที่.2 ดังนี้ 4.1.ศึกษาความสามารถในการคิดแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2.หลังเรียนด้วยชุดกิจกรรม การเรียนรู้ตามแนวคิดสะเต็มศึกษาที่พัฒนาขึ้น.4.2.ศึกษาความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่.2.หลังเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา ที่พัฒนาขึ้น.4.3.เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่.2. ก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสะเต็มศึกษาที่พัฒนาขึ้น.4.4 ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/1.ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561.โรงเรียนเทศบาลบ้านคูหาสวรรค์ สังกัดเทศบาลเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง.จำนวน.31.คน.ได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย (Simple.Random.Sampling).แบบจับสลาก.โดยมีห้องเรียนเป็นหน่วยการสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ประกอบด้วย.1).แบบสอบถาม 2) แบบสัมภาษณ์ 3) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา บูรณาการตามศาสตร์พระราชา เพื่อส่งเสริมการคิดแก้ปัญหาและการคิดสร้างสรรค์ ชั้นประถมศึกษาปีที่.2.จำนวน.6.เล่ม.4).แผนการจัดการเรียนรู้ประกอบการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา.บูรณาการตามศาสตร์พระราชา เพื่อส่งเสริมการคิดแก้ปัญหาและการคิดสร้างสรรค์ ชั้นประถมศึกษาปีที่.2.จำนวน 6 แผน 5).แบบทดสอบความสามารถการคิดแก้ปัญหา แบบปรนัย 4.ตัวเลือก 20.ข้อ จำนวน.1.ฉบับ 6).แบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดสร้างสรรค์.แบบอัตนัย.4.ข้อ.จำนวน.1.ฉบับ 7) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ แบบปรนัย 4 ตัวเลือก.จำนวน.40.ข้อ.จำนวน.1.ฉบับ 8) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา.แบบมาตราส่วนประมาณค่า.(RatingใScale).ชนิด 5.ระดับ.ของลิเคอร์ท (Likert).จำนวน 10.ข้อ จำนวน.1.ฉบับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ t-test Dependent Sample
ผลการศึกษาพบว่า
1. สภาพข้อมูลพื้นฐานการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา พบว่า นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีความต้องการให้จัดกิจกรรมการเรียนการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา สูงสุด 3 ลำดับแรก คือ กิจกรรมการเรียนรู้จากการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม รองลงมาคือ เน้นกิจกรรมที่นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติและการประดิษฐ์ชิ้นงาน เปิดโอกาสให้นักเรียนคิดและหาคำตอบได้อย่างอิสระ และจากการสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ พบว่า ครูผู้สอนมีความต้องการให้มีการบูรณาการความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การออกแบบเชิงวิศวกรรม และคณิตศาสตร์ อย่างเป็นรูปธรรม เน้นกิจกรรมการแก้ปัญหาในท้องถิ่นอย่างสร้างสรรค์ จัดบรรยากาศในห้องเรียนให้เหมาะกับการจัดกิจกรรม เน้นการใช้เทคโนโลยีเพื่อศึกษาข้อมูล และมีการวัดผลประเมินผลตามสภาพจริง
2..ประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา บูรณาการตามศาสตร์พระราชา เพื่อส่งเสริมการคิดแก้ปัญหาและการคิดสร้างสรรค์ ชั้นประถมศึกษาปีที่.2.มีค่าประสิทธิภาพ เท่ากับ 82.31/80.85
3. ผลการทดลองใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา บูรณาการตามศาสตร์พระราชา เพื่อส่งเสริมการคิดแก้ปัญหาและการคิดสร้างสรรค์ ชั้นประถมศึกษาปีที่.2 พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. ผลการประเมินประสิทธิผลชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา.บูรณาการตามศาสตร์พระราชา เพื่อส่งเสริมการคิดแก้ปัญหาและการคิดสร้างสรรค์ ชั้นประถมศึกษาปีที่.2
4.1.ความสามารถในการคิดแก้ปัญหา ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2.หลังเรียน โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา อยู่ในระดับดีมาก มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 87.65
4.2.ความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2.หลังเรียน โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา อยู่ในระดับดีมาก มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 87.13
4.3 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ของนักเรียนหลังเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรม การเรียนรู้ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4.4 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีความพึงพอใจต่อการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด