การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความคงทนในการเรียนรู้
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ แบบ 5 ขั้น (5Es)
ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
ผู้วิจัย นางสาววีนา สุขนวม
ปี พ.ศ. 2561
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การบวก การลบ และการคูณทศนิยม
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ แบบ 5 ขั้น (5Es) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคะแนนก่อนเรียนและคะแนนหลังเรียน เรื่อง การบวก การลบ และการคูณทศนิยม กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 และ 3) เพื่อศึกษาความคงทนในการเรียนรู้ เรื่อง การบวก การลบ และการคูณทศนิยม กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ แบบ 5 ขั้น (5Es) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนเทศบาล 3 วัดไชนาวาส กองการศึกษา เทศบาลเมืองสุพรรณบุรี จำนวน 21 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบที
ผลการจิวัยพบว่า
1. แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การบวก การลบ และการคูณทศนิยม กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบ 5ขั้น (5Es) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น และมีประสิทธิภาพ เท่ากับ 97.88/88.89
2. นักเรียนที่เรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การบวก การลบ และการคูณทศนิยม กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ แบบ 5 ขั้น (5Es) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05
3. นักเรียนที่เรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การบวก การลบ และการคูณทศนิยม กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ แบบ 5 ขั้น (5Es) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน และหลังเรียน 2 สัปดาห์ แตกต่างอย่างไม่มีนัยสำคัญที่ระดับ .05