การพัฒนาการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es)
เรื่อง ประกอบชุดกิจกรรม เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบกวิทยาคม
ผู้วิจัย นางสาวสิรินภัสร ประชานอก
ปีที่ทำการวิจัย ปี พ.ศ. 2561
บทคัดย่อ
การพัฒนาการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) เรื่อง ประกอบชุดกิจกรรม เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบกวิทยาคม การวิจัยครั้งนี้ มีความมุ่งหมายของการวิจัย ดังนี้ 1)เพื่อหาประสิทธิภาพของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) ประกอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบกวิทยาคม ให้เป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) ประกอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียน บกวิทยาคม และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) ประกอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบกวิทยาคม ที่เรียนวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว23101 จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวนนักเรียน 23 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (cluster random sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย มี 4 ชนิด ได้แก่ 1) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้หน่วยการเรียนรู้ที่ เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ จำนวน 10 แผน 2) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) จำนวน 10 เล่ม 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ ซึ่งมีค่าความยากง่ายรายข้อ ตั้งแต่ 0.26 - 0.87 ค่าอำนาจจำแนกรายข้อ (B) อยู่ระหว่าง 0.21 - 0.77 และค่าความเชื่อมั่น ทั้งฉบับเท่ากับ 0.90 และ 4) แบบวัดความพึงพอใจที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) ประกอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบกวิทยาคมจำนวน 12 ข้อ ซึ่งมีค่าอำนาจจำแนกรายข้อตั้งแต่ 0.993 ถึง 0.994 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.994 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบที( t-test Dependent Samples)
ผลการวิจัย ปรากฏผลดังนี้
1. ประสิทธิภาพของจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) เรื่อง ประกอบชุดกิจกรรม เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบกวิทยาคม มีค่าประสิทธิภาพ E1/E2 เท่ากับ 81.59/80.14 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนโดยใช้จัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) เรื่อง ประกอบชุดกิจกรรม เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบกวิทยาคม สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) เรื่อง ประกอบชุดกิจกรรม เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบกวิทยาคม โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
โดยสรุป จัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) เรื่อง ประกอบชุดกิจกรรม เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบกวิทยาคมและสามารถนำไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนให้บรรลุตามจุดประสงค์ที่ตั้งไว้