ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน ร่วมกับชุดการเรียน
ชื่อเรื่อง : ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน
ร่วมกับชุดการเรียนรู้เรื่องพระพุทธศาสนา
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ผู้วิจัย : นายวิทวัส วรินทรา
ปีการศึกษา : 2560
บทคัดย่อ
การพัฒนาครั้งนี้ ผู้วิจัยมีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน ร่วมกับชุดการเรียนรู้เรื่องพระพุทธศาสนากลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนระหว่างก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้ แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน ร่วมกับชุดการเรียนรู้เรื่อง พระพุทธศาสนา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และ (3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อ การจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับชุดการเรียนรู้เรื่อง พระพุทธศาสนากลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล ๑ กิตติขจร สังกัดเทศบาลเมืองตาก จังหวัดตาก ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จานวน 3 ห้องเรียน จานวนนักเรียน 68 คนกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/1 โรงเรียนเทศบาล ๑ กิตติขจร สังกัดเทศบาลเมืองตาก จังหวัดตาก ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จานวน 27 คนซึ่งได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ (1) การจัดการเรียนรู้ แบบใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับชุดการเรียนรู้ เรื่อง พระพุทธศาสนา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จานวน 7 ชุด (2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มีความเชื่อมั่นเท่า 0.82 และ (3) แบบสอบถามความพึงพอใจในการเรียนของนักเรียน มีความเชื่อมั่นเท่า 0.93 วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย E1/E2 เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยการทดสอบค่าทีแบบไม่เป็นอิสระต่อกัน (t – test Dependent) และความพึงพอใจในการเรียนของนักเรียน พบว่า
1. การจัดกิจกรรมเรียนรู้ แบบใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับชุดการเรียนรู้เรื่อง พระพุทธศาสนา
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีค่าประสิทธิภาพ (E1/E2)
เท่ากับ 84.27 / 85.21 เป็นไปตามเกณฑ์
2. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน
ร่วมกับชุดการเรียนรู้เรื่อง พระพุทธศาสนา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน ร่วมกับ
ชุดการเรียนรู้เรื่อง พระพุทธศาสนา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (X = 4.69, S.D. = 0.18)
ร่วมกับชุดการเรียนรู้เรื่องพระพุทธศาสนา
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ผู้วิจัย : นายวิทวัส วรินทรา
ปีการศึกษา : 2560
บทคัดย่อ
การพัฒนาครั้งนี้ ผู้วิจัยมีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน ร่วมกับชุดการเรียนรู้เรื่องพระพุทธศาสนากลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนระหว่างก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้ แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน ร่วมกับชุดการเรียนรู้เรื่อง พระพุทธศาสนา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และ (3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อ การจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับชุดการเรียนรู้เรื่อง พระพุทธศาสนากลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล ๑ กิตติขจร สังกัดเทศบาลเมืองตาก จังหวัดตาก ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จานวน 3 ห้องเรียน จานวนนักเรียน 68 คนกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/1 โรงเรียนเทศบาล ๑ กิตติขจร สังกัดเทศบาลเมืองตาก จังหวัดตาก ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จานวน 27 คนซึ่งได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ (1) การจัดการเรียนรู้ แบบใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับชุดการเรียนรู้ เรื่อง พระพุทธศาสนา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จานวน 7 ชุด (2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มีความเชื่อมั่นเท่า 0.82 และ (3) แบบสอบถามความพึงพอใจในการเรียนของนักเรียน มีความเชื่อมั่นเท่า 0.93 วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย E1/E2 เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยการทดสอบค่าทีแบบไม่เป็นอิสระต่อกัน (t – test Dependent) และความพึงพอใจในการเรียนของนักเรียน พบว่า
1. การจัดกิจกรรมเรียนรู้ แบบใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับชุดการเรียนรู้เรื่อง พระพุทธศาสนา
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีค่าประสิทธิภาพ (E1/E2)
เท่ากับ 84.27 / 85.21 เป็นไปตามเกณฑ์
2. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน
ร่วมกับชุดการเรียนรู้เรื่อง พระพุทธศาสนา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน ร่วมกับ
ชุดการเรียนรู้เรื่อง พระพุทธศาสนา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (X = 4.69, S.D. = 0.18)