การพัฒนารูปแบบการนิเทศภายในเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้ของครูที่ส
ผู้วิจัย นางธนัญญพัฒน์ ฤาชา
โรงเรียน โรงเรียนเนินสง่าวิทยา
ปีที่พิมพ์ 2556
ผู้ตรวจสอบก่อนเผยแพร่ ดร.นภาพร แก้วดวงดี, ดร.ศิริพร พึ่งเพชร, ดร.มลิวัน ศรีโคตร
[center]บทคัดย่อ[/center]
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนารูปแบบการนิเทศภายในเพื่อพัฒนาการจัด การเรียนรู้ของครูที่ส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนโรงเรียนเนินสง่าวิทยา 2) ประเมินผลการใช้รูปแบบการนิเทศภายในเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้ของครูที่ส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนโรงเรียนเนินสง่าวิทยา ประชากรที่ใช้ในการวิจัยคือ ครูผู้สอน และนักเรียน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยใช้ประชากรทั้งหมด ได้แก่ ครู จำนวน 32 คน แยกเป็น ครูผู้นิเทศ จำนวน 8 คน ครูผู้รับการนิเทศ จำนวน 24 คน และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 จำนวน 607 คน โดยใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่แบบวิเคราะห์เอกสาร แบบสัมภาษณ์ แบบสอบถาม แบบทดสอบ แบบประเมิน แบบสังเกตและประเด็นสนทนากลุ่ม การวิเคราะห์ข้อมูลใช้การวิเคราะห์เนื้อหา(Content Analysis) ค่าเฉลี่ย (x) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และค่าร้อยละ (%) โดยใช้สถิติทดสอบ Wilcoxon Signed Ranks Testและ ค่าที (t-test) แบบ Dependent
ผลการวิจัยพบว่า
1) การพัฒนารูปแบบการนิเทศภายใน ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ได้แก่ 1) การศึกษาข้อมูลพื้นฐานและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง 2) การพัฒนาและตรวจสอบคุณภาพของรูปแบบ 3) การนำรูปแบบไปใช้ และ 4) การประเมินและปรับปรุงรูปแบบ ผลการออกแบบและปรับปรุงรูปแบบการนิเทศภายใน ได้รูปแบบการนิเทศภายในชื่อว่า พีไอพีอี (PIPE Model) เป็นรูปแบบการนิเทศภายในที่เน้นกระบวนการนิเทศที่เป็นระบบ โดยพัฒนาขึ้นตามหลักการนิเทศแบบเพื่อนช่วยเพื่อน เพื่อให้การนิเทศภายในเกิดประสิทธิภาพสูงสุด มี 4 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 Planning : P ขั้นวางแผน การนิเทศ ขั้นตอนที่ 2 Informing : I ขั้นการให้ความรู้ก่อนการนิเทศ ขั้นตอนที่ 3 Proceeding : P ขั้นดำเนินงาน ได้แก่ 3.1 การประชุมก่อนการสังเกตการจัดการเรียนรู้ 3.2 การสังเกตการจัดการเรียนรู้ 3.3 การประชุมหลังการสังเกตการจัดการเรียนรู้และขั้นตอนที่ 4 Evaluating : E การประเมินผลการนิเทศ
2) ผลการใช้รูปแบบการนิเทศภายในเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้ของครูที่ส่งเสริม การคิดวิเคราะห์ของนักเรียนโรงเรียนเนินสง่าวิทยา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ พบว่าสมรรถภาพในการนิเทศภายในของครูผู้นิเทศหลังการใช้รูปแบบการนิเทศภายใน แบบพีไอพีอี (PIPE Model) โดยภาพรวม ครูผู้นิเทศมีสมรรถภาพในการนิเทศอยู่ในระดับสูงมาก มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ของครูที่ส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนก่อนและหลังใช้รูปแบบ การนิเทศ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ครูผู้รับการนิเทศมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการนิเทศการสอนก่อนและหลังใช้รูปแบบการนิเทศ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .05 สมรรถภาพในการจัดการเรียนรู้ของครูผู้รับการนิเทศที่ส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนอยู่ในระดับสูง ความพึงพอใจของครูผู้รับการนิเทศที่มีต่อรูปแบบการนิเทศภายในโรงเรียนแบบพีไอพีอี(PIPE Model)อยู่ในระดับมากที่สุด และผลการเรียนรู้ของนักเรียนที่เกิดจากการจัด การเรียนรู้ของครูที่ส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนก่อนและหลังการใช้รูปแบบการแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05