การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามหลักโยนิโสมนสิการ
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การปฏิบัติตนดี เพื่อพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม
ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ผู้วิจัย นายนุชิต จุมกุดรัง ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ
โรงเรียน โรงเรียนเทศบาล 1 (สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลอุปถัมภ์)
สังกัดเทศบาลเมืองชุมแพ จังหวัดขอนแก่น
ปีที่ศึกษา 2562
บทคัดย่อ
การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามหลักโยนิโสมนสิการประกอบการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การปฏิบัติตนดี เพื่อพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามหลักโยนิโสมนสิการประกอบการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การปฏิบัติตนดี เพื่อพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ก่อนและหลังการเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามหลักโยนิโสมนสิการประกอบการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การปฏิบัติตนดี เพื่อพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และ3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามหลักโยนิโสมนสิการประกอบการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การปฏิบัติตนดี เพื่อพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/1 ที่กำลังเรียนอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนเทศบาล 1 (สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลอุปถัมภ์) สังกัดเทศบาลเมืองชุมแพ จังหวัดขอนแก่น จำนวนนักเรียน 25 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ตามหลักโยนิโสมนสิการประกอบการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การปฏิบัติตนดี เพื่อพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 15 แผน ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การปฏิบัติตนดี เพื่อพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 13 ชุด แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การปฏิบัติตนดี เป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามหลักโยนิโสมนสิการประกอบการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การปฏิบัติตนดี จำนวน 15 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่า t – test แบบ Dependent Samples
ผลการวิจัย พบว่า
1. รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามหลักโยนิโสมนสิการประกอบการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การปฏิบัติตนดี เพื่อพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 82.90/81.90 ซึ่งถือว่ามีประสิทธิภาพเป็นไปตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 80/80
2. นักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามหลักโยนิโสมนสิการประกอบการ
ใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การปฏิบัติตนดี เพื่อพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัด
การเรียนรู้ตามหลักโยนิโสมนสิการประกอบการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การปฏิบัติตนดี เพื่อพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.53, S.D. = 0.52)