รายงานผลการจัดประสบการณ์ตามรูปแบบ CIPPA MODEL เพื่อพัฒนาทักษะ
ชื่อเรื่อง รายงานผลการจัดประสบการณ์ตามรูปแบบ CIPPA MODEL
เพื่อพัฒนาทักษะการแสวงหาความรู้ สำหรับเด็กปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่ 3
ผู้วิจัย นางบุษบา ภู่ประเสริฐ ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
โรงเรียนเทศบาล ๓ สังกัดกองการศึกษา เทศบาลเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์
ปีที่ทำการวิจัย 2562
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อหาประสิทธิภาพของแผนการจัดประสบการณ์โดยยึด
ผู้เรียนเป็นสำคัญตามรูปแบบ CIPPA MODEL ตามเกณฑ์ 80/80 เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของ การจัดประสบการณ์โดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญตามรูปแบบ CIPPA MODEL ของเด็กปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่ 3 และ เพื่อศึกษาผลการจัดประสบการณ์โดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญตามรูปแบบ CIPPA MODEL เพื่อพัฒนาความสามารถในการแสวงหาความรู้ของเด็กปฐมวัย กลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนเทศบาล ๓ สังกัดกองการศึกษา เทศบาลเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 30 คน ผู้วิจัยดำเนินการสอนตามแผนกิจกรรมเสริมประสบการณ์ของเด็กปฐมวัยโดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญตามรูปแบบ CIPPA MODEL เครื่องมือที่ใช้ ในการวิจัย แผนการจัดประสบการณ์ตามขั้นตอนของ CIPPA MODEL จำนวน 30 แผน แบบบันทึก การประเมินการแสวงหาความรู้ การวิเคราะห์ข้อมูลจากการแบบบันทึกการประเมินการแสวงหาความรู้ของผู้วิจัยสถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าเฉลี่ย และ ค่าร้อยละ (Percent)
ผลการวิจัย พบว่า
1. แผนการจัดประสบการณ์โดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญตามรูปแบบ CIPPA MODEL เพื่อพัฒนาความสามารถในการแสวงหาความรู้ของเด็กปฐมวัยมีประสิทธิภาพเท่ากับ 84.26/84.50 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้
2. ดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดประสบการณ์โดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญตามรูปแบบ CIPPA MODEL เพื่อพัฒนาความสามารถในการแสวงหาความรู้ของเด็กปฐมวัยเท่ากับ 0.6008หมายความว่านักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นหลังจากได้รับการจัดประสบการณ์โดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญตามรูปแบบ CIPPA MODEL เพื่อพัฒนาความสามารถในการแสวงหาความรู้ของเด็กปฐมวัยร้อยละ 60.08
3. ผลการพัฒนาความสามารถในการแสวงหาความรู้ของเด็กปฐมวัย ด้วยการจัดประสบการณ์โดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญตามรูปแบบ CIPPA MODEL เพื่อพัฒนาความสามารถในการแสวงหาความรู้ของเด็กปฐมวัย พบวา หลังการจัดประสบการณ์โดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญตามรูปแบบ CIPPA MODEL เพื่อพัฒนาความสามารถในการแสวงหาความรู้ของเด็กปฐมวัยสามารถพัฒนาความสามารถในการแสวงหาความรู้ได้เหมาะสมกับวัยของตัวเอง
เพื่อพัฒนาทักษะการแสวงหาความรู้ สำหรับเด็กปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่ 3
ผู้วิจัย นางบุษบา ภู่ประเสริฐ ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
โรงเรียนเทศบาล ๓ สังกัดกองการศึกษา เทศบาลเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์
ปีที่ทำการวิจัย 2562
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อหาประสิทธิภาพของแผนการจัดประสบการณ์โดยยึด
ผู้เรียนเป็นสำคัญตามรูปแบบ CIPPA MODEL ตามเกณฑ์ 80/80 เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของ การจัดประสบการณ์โดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญตามรูปแบบ CIPPA MODEL ของเด็กปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่ 3 และ เพื่อศึกษาผลการจัดประสบการณ์โดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญตามรูปแบบ CIPPA MODEL เพื่อพัฒนาความสามารถในการแสวงหาความรู้ของเด็กปฐมวัย กลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนเทศบาล ๓ สังกัดกองการศึกษา เทศบาลเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 30 คน ผู้วิจัยดำเนินการสอนตามแผนกิจกรรมเสริมประสบการณ์ของเด็กปฐมวัยโดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญตามรูปแบบ CIPPA MODEL เครื่องมือที่ใช้ ในการวิจัย แผนการจัดประสบการณ์ตามขั้นตอนของ CIPPA MODEL จำนวน 30 แผน แบบบันทึก การประเมินการแสวงหาความรู้ การวิเคราะห์ข้อมูลจากการแบบบันทึกการประเมินการแสวงหาความรู้ของผู้วิจัยสถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าเฉลี่ย และ ค่าร้อยละ (Percent)
ผลการวิจัย พบว่า
1. แผนการจัดประสบการณ์โดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญตามรูปแบบ CIPPA MODEL เพื่อพัฒนาความสามารถในการแสวงหาความรู้ของเด็กปฐมวัยมีประสิทธิภาพเท่ากับ 84.26/84.50 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้
2. ดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดประสบการณ์โดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญตามรูปแบบ CIPPA MODEL เพื่อพัฒนาความสามารถในการแสวงหาความรู้ของเด็กปฐมวัยเท่ากับ 0.6008หมายความว่านักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นหลังจากได้รับการจัดประสบการณ์โดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญตามรูปแบบ CIPPA MODEL เพื่อพัฒนาความสามารถในการแสวงหาความรู้ของเด็กปฐมวัยร้อยละ 60.08
3. ผลการพัฒนาความสามารถในการแสวงหาความรู้ของเด็กปฐมวัย ด้วยการจัดประสบการณ์โดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญตามรูปแบบ CIPPA MODEL เพื่อพัฒนาความสามารถในการแสวงหาความรู้ของเด็กปฐมวัย พบวา หลังการจัดประสบการณ์โดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญตามรูปแบบ CIPPA MODEL เพื่อพัฒนาความสามารถในการแสวงหาความรู้ของเด็กปฐมวัยสามารถพัฒนาความสามารถในการแสวงหาความรู้ได้เหมาะสมกับวัยของตัวเอง