รายงานการพัฒนาและผลการใช้ชุดฝึกเสริมทักษะร่วมกับทฤษฎีการสร้างควา
ชื่อเรื่อง รายงานการพัฒนาและผลการใช้ชุดฝึกเสริมทักษะร่วมกับทฤษฎีการสร้างความรู้
ด้วยตนเอง (Constructivism) เรื่อง สนุกกับการออกกำลังกายและเกมเบ็ดเตล็ด
กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
ผู้วิจัย ศิริญา หลอมทอง
ปีที่วิจัย 2561
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีความมุ่งหมายของการวิจัย ดังนี้ 1. เพื่อพัฒนาชุดฝึกเสริมทักษะร่วมกับทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism) เรื่อง สนุกกับการออกกำลังกายและเกมเบ็ดเตล็ด กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยชุดฝึกเสริมทักษะร่วมกับทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism) เรื่อง สนุกกับการออกกำลังกายและเกมเบ็ดเตล็ด กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และ 3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อชุดฝึกเสริมทักษะร่วมกับทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism) เรื่อง สนุกกับการออกกำลังกายและเกมเบ็ดเตล็ด กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 การวิจัยในครั้งนี้ เป็นการวิจัยแบบกึ่งทดลองใช้รูปแบบการวิจัยที่มีกลุ่มทดลองกลุ่มเดียว มีการทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน (One Group Pretest Posttest Design) ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนเทศบาล 5 ชุมชนหนอง-ยางหนองม่วง ตำบลหนองครก อำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 18 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ 1) ชุดฝึกเสริมทักษะ เรื่อง สนุกกับการออกกำลังกายและเกมเบ็ดเตล็ด กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 13 ชุด มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.53) 2) คู่มือการจัดการเรียนรู้โดยใช้ทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism) เรื่อง สนุกกับการออกกำลังกายและเกมเบ็ดเตล็ด กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.56) 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง สนุกกับการออกกำลังกายและเกมเบ็ดเตล็ด กลุ่มสาระการเรียนรู้ สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 20 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อ ตั้งแต่ 0.26 ถึง 0.70 และค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.83 4) แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อชุดฝึกเสริมทักษะร่วมกับทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism) เรื่อง สนุกกับการออกกำลังกายและเกมเบ็ดเตล็ด กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 10 ข้อ มีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.82 การวิเคราะห์ข้อมูลในครั้งนี้ ผู้วิจัยวิเคราะห์โดยการคำนวณหาประสิทธิภาพ (E1/E2) ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัย พบว่า 1. ประสิทธิภาพของชุดฝึกเสริมทักษะร่วมกับทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism) เรื่อง สนุกกับการออกกำลังกายและเกมเบ็ดเตล็ด กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 86.46/83.89 เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด คือ 80/80 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยชุดฝึกเสริมทักษะร่วมกับทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism) เรื่อง สนุกกับการออกกำลังกาย และเกมเบ็ดเตล็ด กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน คิดเป็นร้อยละการพัฒนา 64.13 และ 3. ความพึงพอใจที่มีต่อชุดฝึกเสริมทักษะร่วมกับทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism) เรื่อง สนุกกับการออกกำลังกายและเกมเบ็ดเตล็ด กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โดยรวมนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 2.57 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.50
ด้วยตนเอง (Constructivism) เรื่อง สนุกกับการออกกำลังกายและเกมเบ็ดเตล็ด
กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
ผู้วิจัย ศิริญา หลอมทอง
ปีที่วิจัย 2561
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีความมุ่งหมายของการวิจัย ดังนี้ 1. เพื่อพัฒนาชุดฝึกเสริมทักษะร่วมกับทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism) เรื่อง สนุกกับการออกกำลังกายและเกมเบ็ดเตล็ด กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยชุดฝึกเสริมทักษะร่วมกับทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism) เรื่อง สนุกกับการออกกำลังกายและเกมเบ็ดเตล็ด กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และ 3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อชุดฝึกเสริมทักษะร่วมกับทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism) เรื่อง สนุกกับการออกกำลังกายและเกมเบ็ดเตล็ด กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 การวิจัยในครั้งนี้ เป็นการวิจัยแบบกึ่งทดลองใช้รูปแบบการวิจัยที่มีกลุ่มทดลองกลุ่มเดียว มีการทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน (One Group Pretest Posttest Design) ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนเทศบาล 5 ชุมชนหนอง-ยางหนองม่วง ตำบลหนองครก อำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 18 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ 1) ชุดฝึกเสริมทักษะ เรื่อง สนุกกับการออกกำลังกายและเกมเบ็ดเตล็ด กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 13 ชุด มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.53) 2) คู่มือการจัดการเรียนรู้โดยใช้ทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism) เรื่อง สนุกกับการออกกำลังกายและเกมเบ็ดเตล็ด กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.56) 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง สนุกกับการออกกำลังกายและเกมเบ็ดเตล็ด กลุ่มสาระการเรียนรู้ สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 20 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อ ตั้งแต่ 0.26 ถึง 0.70 และค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.83 4) แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อชุดฝึกเสริมทักษะร่วมกับทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism) เรื่อง สนุกกับการออกกำลังกายและเกมเบ็ดเตล็ด กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 10 ข้อ มีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.82 การวิเคราะห์ข้อมูลในครั้งนี้ ผู้วิจัยวิเคราะห์โดยการคำนวณหาประสิทธิภาพ (E1/E2) ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัย พบว่า 1. ประสิทธิภาพของชุดฝึกเสริมทักษะร่วมกับทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism) เรื่อง สนุกกับการออกกำลังกายและเกมเบ็ดเตล็ด กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 86.46/83.89 เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด คือ 80/80 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยชุดฝึกเสริมทักษะร่วมกับทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism) เรื่อง สนุกกับการออกกำลังกาย และเกมเบ็ดเตล็ด กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน คิดเป็นร้อยละการพัฒนา 64.13 และ 3. ความพึงพอใจที่มีต่อชุดฝึกเสริมทักษะร่วมกับทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism) เรื่อง สนุกกับการออกกำลังกายและเกมเบ็ดเตล็ด กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โดยรวมนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 2.57 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.50