การจัดการเรียนรู้แบบเสาะร่วมกับหนังสือ คณิตศาสตร์ ป.3 ครูนพดล
ชื่อวิจัย: การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับหนังสือการ์ตูน
เสริมประสบการณ์ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการหาร กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ชื่อผู้วิจัย: นายนพดล จิตติศักดิ์ ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการ
โรงเรียนเทศบาล ๒ วัดสระเกศ อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
สังกัดสำนักการศึกษา เทศบาลนครเกาะสมุย
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย
ปีที่วิจัย: 2562
บทคัดย่อ
การพัฒนาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ของพัฒนา คือ 1) สร้างและพัฒนาการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับหนังสือการ์ตูนเสริมประสบการณ์ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการหาร สำหรับชั้นประถม ศึกษาปีที่ 3 ที่มีประสิทธิภาพ 80/80 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง การแก้ โจทย์ปัญหาการหาร สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะ หาความรู้ (5E) ร่วมกับหนังสือการ์ตูนเสริมประสบการณ์ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการหาร สำหรับชั้นประถม ศึกษาปีที่ 3 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับหนังสือการ์ตูนเสริมประสบการณ์ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการหาร สำหรับชั้นประถม ศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการพัฒนาครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/2 โรงเรียนเทศบาล ๒ วัดสระเกศ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 28 คน โดยใช้วิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนามี 4 ชนิด ประกอบ 1)หนังสือการ์ตูนเสริมประสบการณ์ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการหาร กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 3 หน่วย 2)แผนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ประกอบการใช้หนังสือการ์ตูนเสริมประสบการณ์ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการหาร สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 16 แผน ๆ ละ 1 ชั่วโมง 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการหาร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 30 ข้อ และ4) แบบสอบถามวัดความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับหนังสือการ์ตูนเสริมประสบการณ์ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการหาร สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ร้อยละ และการทดสอบสมมุติฐาน โดยใช้ค่าที
ปรากฏผลการพัฒนา ดังนี้
1. ประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับหนังสือการ์ตูนเสริมประสบการณ์ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการหาร กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เท่ากับ 87.96/83.33 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการหาร สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับหนังสือการ์ตูนเสริมประสบการณ์ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการหาร สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับหนังสือการ์ตูนเสริมประสบการณ์ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการหาร สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 อยู่ในระดับมาก (x-bar=2.44, S.D=0.50)
เสริมประสบการณ์ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการหาร กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ชื่อผู้วิจัย: นายนพดล จิตติศักดิ์ ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการ
โรงเรียนเทศบาล ๒ วัดสระเกศ อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
สังกัดสำนักการศึกษา เทศบาลนครเกาะสมุย
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย
ปีที่วิจัย: 2562
บทคัดย่อ
การพัฒนาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ของพัฒนา คือ 1) สร้างและพัฒนาการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับหนังสือการ์ตูนเสริมประสบการณ์ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการหาร สำหรับชั้นประถม ศึกษาปีที่ 3 ที่มีประสิทธิภาพ 80/80 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง การแก้ โจทย์ปัญหาการหาร สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะ หาความรู้ (5E) ร่วมกับหนังสือการ์ตูนเสริมประสบการณ์ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการหาร สำหรับชั้นประถม ศึกษาปีที่ 3 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับหนังสือการ์ตูนเสริมประสบการณ์ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการหาร สำหรับชั้นประถม ศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการพัฒนาครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/2 โรงเรียนเทศบาล ๒ วัดสระเกศ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 28 คน โดยใช้วิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนามี 4 ชนิด ประกอบ 1)หนังสือการ์ตูนเสริมประสบการณ์ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการหาร กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 3 หน่วย 2)แผนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ประกอบการใช้หนังสือการ์ตูนเสริมประสบการณ์ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการหาร สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 16 แผน ๆ ละ 1 ชั่วโมง 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการหาร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 30 ข้อ และ4) แบบสอบถามวัดความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับหนังสือการ์ตูนเสริมประสบการณ์ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการหาร สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ร้อยละ และการทดสอบสมมุติฐาน โดยใช้ค่าที
ปรากฏผลการพัฒนา ดังนี้
1. ประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับหนังสือการ์ตูนเสริมประสบการณ์ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการหาร กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เท่ากับ 87.96/83.33 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการหาร สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับหนังสือการ์ตูนเสริมประสบการณ์ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการหาร สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับหนังสือการ์ตูนเสริมประสบการณ์ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการหาร สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 อยู่ในระดับมาก (x-bar=2.44, S.D=0.50)