รายงานผลการพัฒนาชุดกิจกรรมฝึกความคิดสร้างสรรค์สำหรับเด็กปฐมวัย
ชื่อเรื่องงานวิจัย รายงานผลการพัฒนาชุดกิจกรรมฝึกความคิดสร้างสรรค์ สำหรับเด็กปฐมวัยปีที่ 2
ชื่อผู้วิจัย นางสาววริศรา อุตทะคะวาปี
หน่วยงาน โรงเรียนเทศบาลเมืองท่าบ่อ (ท.1)
กองการศึกษาเทศบาลเมืองท่าบ่อ อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย
ปีที่ทดลอง ปีการศึกษา 2561
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) หาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมฝึกความคิดสร้างสรรค์ สำหรับเด็กปฐมวัยปีที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของชุดกิจกรรมฝึกความคิดสร้างสรรค์ สำหรับเด็กปฐมวัยปีที่ 2 3) เพื่อหาค่าดัชนีประสิทธิผลของชุดกิจกรรมฝึกความคิดสร้างสรรค์ สำหรับเด็กปฐมวัยปีที่ 2 4) เพื่อประเมินความพึงพอใจของเด็กปฐมวัยปีที่ 2 ที่มีต่อชุดกิจกรรมฝึกความคิดสร้างสรรค์ ที่กำลังเรียนอยู่ใน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนเมืองท่าบ่อ (ท.1) สังกัดกองการศึกษาเทศบาลเมืองเมืองท่าบ่อ อำเภอเมืองท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย จำนวน 24 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) ด้วยการจับสลาก เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย 1) ชุดกิจกรรมฝึกความคิดสร้างสรรค์ สำหรับเด็กปฐมวัยปีที่ 2 ที่ผู้ศึกษาค้นคว้าสร้างขึ้น 2) คู่มือการใช้ชุดกิจกรรมฝึกความคิดสร้างสรรค์ สำหรับเด็กปฐมวัยปีที่ 2 ที่ผู้ศึกษาค้นคว้าออกแบบขึ้น 3) แบบประเมินวัดความคิดสร้างสรรค์ สำหรับเด็กปฐมวัยปีที่ 2 ที่ผู้ศึกษาค้นคว้าออกแบบขึ้นให้สอดคล้องกับคู่มือการใช้ 4) แบบวัดความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าคะแนนเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษาค้นคว้า พบว่า
1) ชุดกิจกรรมการฝึกความคิดสร้างสรรค์ เด็กปฐมวัยปีที่ 2 โดยการหาประสิทธิภาพ ( E1 / E2 )
ซึ่งผลการศึกษาค้นคว้าปรากฏว่า ชุดกิจกรรมการฝึกความคิดสร้างสรรค์ เด็กปฐมวัยปีที่ 2 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.42 / 85.00 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้คือ 80 / 80
2) ความคิดสร้างสรรค์หลังเรียนของนักเรียนเด็กปฐมวัยปีที่ 2 ที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการฝึกความคิดสร้างสรรค์ มีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนเท่ากับ 10.41 คิดเป็นร้อยละ 52.08 และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 17.00 คิดเป็นร้อยละ 85.00 แสดงว่า เด็กปฐมวัยปีที่ 2 ที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการฝึกความคิดสร้างสรรค์ มีความคิดสร้างสรรค์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
3) ประสิทธิผลของชุดกิจกรรมการฝึกความคิดสร้างสรรค์ สำหรับเด็กปฐมวัยปีที่ 2 พบว่า มีคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ซึ่งค่าดัชนีประสิทธิผล (E.I.) เท่ากับ 0.6869 หมายความว่าเด็กๆ มีความรู้ด้านความคิดสร้างสรรค์เพิ่มขึ้นร้อยละ 68.69 และการเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยโดย t-test มีค่าเท่ากับ 46.5386** ระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05 ซึ่งแสดงว่า ชุดกิจกรรมการฝึกความคิดสร้างสรรค์ สำหรับเด็กปฐมวัยปีที่ 2 ช่วยให้เด็กๆ มีผลสัมฤทธิ์ทางความคิดสร้างสรรค์ดีขึ้น
ชื่อผู้วิจัย นางสาววริศรา อุตทะคะวาปี
หน่วยงาน โรงเรียนเทศบาลเมืองท่าบ่อ (ท.1)
กองการศึกษาเทศบาลเมืองท่าบ่อ อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย
ปีที่ทดลอง ปีการศึกษา 2561
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) หาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมฝึกความคิดสร้างสรรค์ สำหรับเด็กปฐมวัยปีที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของชุดกิจกรรมฝึกความคิดสร้างสรรค์ สำหรับเด็กปฐมวัยปีที่ 2 3) เพื่อหาค่าดัชนีประสิทธิผลของชุดกิจกรรมฝึกความคิดสร้างสรรค์ สำหรับเด็กปฐมวัยปีที่ 2 4) เพื่อประเมินความพึงพอใจของเด็กปฐมวัยปีที่ 2 ที่มีต่อชุดกิจกรรมฝึกความคิดสร้างสรรค์ ที่กำลังเรียนอยู่ใน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนเมืองท่าบ่อ (ท.1) สังกัดกองการศึกษาเทศบาลเมืองเมืองท่าบ่อ อำเภอเมืองท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย จำนวน 24 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) ด้วยการจับสลาก เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย 1) ชุดกิจกรรมฝึกความคิดสร้างสรรค์ สำหรับเด็กปฐมวัยปีที่ 2 ที่ผู้ศึกษาค้นคว้าสร้างขึ้น 2) คู่มือการใช้ชุดกิจกรรมฝึกความคิดสร้างสรรค์ สำหรับเด็กปฐมวัยปีที่ 2 ที่ผู้ศึกษาค้นคว้าออกแบบขึ้น 3) แบบประเมินวัดความคิดสร้างสรรค์ สำหรับเด็กปฐมวัยปีที่ 2 ที่ผู้ศึกษาค้นคว้าออกแบบขึ้นให้สอดคล้องกับคู่มือการใช้ 4) แบบวัดความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าคะแนนเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษาค้นคว้า พบว่า
1) ชุดกิจกรรมการฝึกความคิดสร้างสรรค์ เด็กปฐมวัยปีที่ 2 โดยการหาประสิทธิภาพ ( E1 / E2 )
ซึ่งผลการศึกษาค้นคว้าปรากฏว่า ชุดกิจกรรมการฝึกความคิดสร้างสรรค์ เด็กปฐมวัยปีที่ 2 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.42 / 85.00 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้คือ 80 / 80
2) ความคิดสร้างสรรค์หลังเรียนของนักเรียนเด็กปฐมวัยปีที่ 2 ที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการฝึกความคิดสร้างสรรค์ มีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนเท่ากับ 10.41 คิดเป็นร้อยละ 52.08 และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 17.00 คิดเป็นร้อยละ 85.00 แสดงว่า เด็กปฐมวัยปีที่ 2 ที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการฝึกความคิดสร้างสรรค์ มีความคิดสร้างสรรค์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
3) ประสิทธิผลของชุดกิจกรรมการฝึกความคิดสร้างสรรค์ สำหรับเด็กปฐมวัยปีที่ 2 พบว่า มีคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ซึ่งค่าดัชนีประสิทธิผล (E.I.) เท่ากับ 0.6869 หมายความว่าเด็กๆ มีความรู้ด้านความคิดสร้างสรรค์เพิ่มขึ้นร้อยละ 68.69 และการเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยโดย t-test มีค่าเท่ากับ 46.5386** ระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05 ซึ่งแสดงว่า ชุดกิจกรรมการฝึกความคิดสร้างสรรค์ สำหรับเด็กปฐมวัยปีที่ 2 ช่วยให้เด็กๆ มีผลสัมฤทธิ์ทางความคิดสร้างสรรค์ดีขึ้น