การยกระดับผลสัมฤทธิ์เพื่อศิษย์ที่แท้จริง
โดย นางสาวภัตราภรณ์ คงทรัพย์
“การศึกษาเป็นเรื่องอันสำคัญในการพัฒนาความรู้ ความคิด ความประพฤติ ทัศนคติ ค่านิยมและคุณธรรมของบุคคล เพื่อให้เป็นพลเมืองที่ดีและมีคุณภาพ …” (พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช) ดังนั้นคุณภาพการศึกษาจึงสะท้อนถึงคุณภาพของคนที่เป็นผลิตผลของการจัดการศึกษา
จากผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน ( O – NET ) ปีการศึกษา 2559 พบว่ากลุ่มสาระภาษาต่างประเทศมีค่าเฉลี่ยต่ำกว่าระดับเขตพื้นที่การศึกษาและระดับประเทศ แม้ว่าในกลุ่มสาระอื่นจะมีคะแนนสูงกว่า แต่ไม่สามารถรักษาระดับค่าเฉลี่ยได้ มีคำถามมากมายเกี่ยวกับการยกระดับผลสัมฤทธิ์ “ ทำอย่างไรจึงจะสามารถรักษาระดับค่าเฉลี่ยในทุกกลุ่มสาระให้สูงกว่าระดับประเทศและเขตพื้นที่การศึกษา ในทุกปีการศึกษา และให้ผู้เรียนมีพื้นฐานความรู้ที่คงทน” ด้วยเหตุนี้หน่วยงานระดับนโยบายถึงระดับถานศึกษาซึ่งเป็นระดับปฏิบัติ จึงได้ให้ความสำคัญต่อคุณภาพการศึกษาให้เป็นเป้าหมายสำคัญของการจัดการศึกษา ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดการศึกษา จำเป็นต้องพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้เป็นไปตามเป้าหมายของหลักสูตร
เพื่อให้การศึกษาขั้นพื้นฐานของประเทศไทยมีคุณภาพมาตรฐานระดับสากล บนพื้นฐานของความเป็นไทย ให้นักเรียนได้รับการพัฒนาศักยภาพสูงสุด มีความรู้และทักษะที่แข็งแกร่งและเหมาะสมเป็นพื้นฐานสำคัญในการเรียนรู้ระดับสูงขึ้นไป และการดำรงชีวิตในอนาคต สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงกำหนดนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีจุดเน้นด้านผู้เรียนที่เกี่ยวของกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ได้แก่ นักเรียนมีสมรรถนะสำคัญสู่มาตรฐานสากล โดยนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพิ่มขึ้นเฉลี่ยไม่น้อยกว่าร้อยละ 3
ดังนั้น ในแต่ละโรงเรียนจึงได้กำหนดนโยบาย เป้าหมายในการพัฒนา คือการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ได้ตั้งเป้าหมายการยกระดับสอดคล้องกับเป้าหมายของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงถือว่าการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็นภารกิจที่สำคัญที่สุดของสถานศึกษา ซึงสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามีบทบาทหลักในการสนับสนุน ส่งเสริม อำนวยการ ให้โรงเรียนได้ดำเนินการเพื่อพัฒนานักเรียนทุกคนที่ได้เข้าเรียนและจบการศึกษาอย่างมีคุณภาพ และคุณภาพสูงตามเกณฑ์ เป้าหมาย และมาตรฐานของหลักสูตรให้นักเรียนได้พัฒนาเต็มศักยภาพเป็นรายบุคคลและทุกคน
รศ.ดร. สุพักตร์ พิบูลย์ จากมหาวิยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (http//www..gotoknow.ovg/blog/sur001/278591) ได้เสนอแนวคิดในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้แนวคิด Empowerment Approach และ Theory – Driven Approach ไว้น่าสนใจมาก ดังมีรายละเอียดของกระบวนการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน พอสรุปได้ดังนี้
ขั้นที่ 1 Taking Stock คือการตรวจสภาพปัจจุบันเกี่ยวกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหรือผลการประเมินคุณภาพโรงเรียน เพื่อวิเคราะห์ว่าโรงเรียนเรามีคุณภาพมากน้อยเพียงใด เป็นการวิเคราะห์และจัดทำฐานข้อมูล (Baseline) เช่นการพิจารณาผลการสอบO-NET NT หรือผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนประจำปีของสถานศึกษา
ขั้นที่ 2 Setting Goal เป็นการกำหนดเป้าหมายความสำเร็จ เช่น ภายในปี 2560 เราต้องมี
1. ผลการประเมินคุณภาพภายในระดับดีมาก
2. กลุ่มสาระการเรียนรู้หลักอย่างน้อยร้อยละ 90 อยู่ในระดับดีมาก
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยเฉพาะการประเมิน O-NET จะต้องเพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 5 ของฐานเดิม
ขั้นที่ 3 Developing Strategies and Implementing มุ่งพัฒนากลยุทธ์แล้วนำกลยุทธ์สู่การปฏิบัติ ตัวอย่างของกลยุทธ์ เช่น
1.ขับเคลื่อนห้องเรียนคุณภาพหรือประกันคุณภาพแต่ละรายวิชา แต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ แม้แต่ครูทุกคนต้องตั้งเป้าหมายการพัฒนาคุณภาพและดำเนินการยกระดับคุณภาพให้ได้ตามเป้าหมาย ดังนั้นการนิยามว่า ผู้นำการเปลี่ยนแปลง ก็คือ ผู้ที่ทำงานสำเร็จ ใครสามารถทำผลงานปีนี้ได้ดีกว่าปีที่แล้ว เรียกว่า ผู้นำการเปลี่ยนแปลง
2. ปฏิรูปการบริหารจัดการห้องเรียนประจำชั้น
3. การบริหารจัดการสถานศึกษาที่เน้นการขับเคลื่อนเชิงทฤษฎีอย่างเป็นระบบตามกรอบหลักวิชาการ
4. Documenting Progress เป็นขั้นตอนการประเมินรวบรวมเอกสารหลักฐานที่แสดงถึงความก้าวหน้าของงานตามเป้าหมาย
ทั้งนี้การดำเนินงานแต่ละขั้นตอนเน้น การมีส่วนร่วมของครู ผู้ปกครอง ผู้เกี่ยวข้อง ฝ่ายต่างๆเช่น คณะกรรมการสถานศึกษา
นอกจากนี้ ดร.จันทมา นนทิกร (http://info.thaihealth.or.th/library/hot/12444) โดยโครงการพัฒนาโรงเรียนเข้มแข็งด้วยการจัดการความรู้(Healthy School By Knowledge Management) มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาการเรียนรู้(มสรว.)ได้สังเคราะห์วิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ(Best Practices) เรื่องการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจาก 16โรงเรียนดีเด่นแล้วจำแนกเป็นประเด็นหลักเพื่ออธิบายวิธีปฏิบัติดังนี้
1.การบริหารจัดการเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มีวิธีการดำเนินการดังนี้
1.1 การจัดการความรู้เพื่อกำหนดนโยบายและจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพของโรงเรียน
1.2 การวิเคราะห์สภาพการจัดการศึกษาของโรงเรียน
1.3 การกำหนดยุทธศาสตร์ในการพัฒนากระบวนการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
1.4 การนิเทศภายในแบบกัลยาณมิตร
1.5 การประสานงานกับผู้ปกครองเพื่อเฝ้าระวังและติดตามแก้ไขปัญหา
2. วิธีการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ดำเนินการได้ 3รูปแบบ คือ
รูปแบบที่ 1 การยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนให้สูงขึ้นตามเกณฑ์ที่คาดหวัง มีวิธีการดำเนินการ ดังนี้
1. การปรับเปลี่ยนท่าทีของครูในการจัดการเรียนรู้
2. การกำหนดเกณฑ์ที่คาดหวังและเกณฑ์การประเมินผล
3. การจัดกลุ่มผู้เรียนที่เหมาะสม
4. การกำหนดรูปแบบการพัฒนาการเรียนรู้และการจัดกิจกรรม
รูปแบบที่ 2 การยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศ
1. การจัดการเรียนรู้แบบห้องเรียนพิเศษ
2.การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมความเป็นเลิศ
รูปแบบที่ 3 การช่วยเหลือนักเรียนพิเศษ
1. การช่วยเหลือนักเรียนที่บกพร่องทางการเรียนรู้
2. การพัฒนานักเรียนที่มีความเป็นเลิศให้เต็มตามศักยภาพ
3. การจัดหลักสูตรนอกระบบ
เป็นการจัดหลักสูตรเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์โดยไม่ติดระบบปกติซึ่งอาจใช้นวัตกรรมในการบริหารและการดำเนินการ
แนวคิดหลักการในการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนนี้ ต้องวางแผนการขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบเชื่อมประสานกันทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายปฏิบัติ ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายทั้งภายในและภายนอกโรงเรียนก็ต้องทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ หากโรงเรียนดำเนินการอย่างเป็นระบบร่วมมือกันอย่างแท้จริง เป้าหมายที่กำหนดที่ตั้งจะเป็นเป้าหมายที่ควรค่าแก่การฝ่าฟันเพื่อผลที่เกิดกับผู้เรียน/ศิษย์อย่างแท้จริง