การพัฒนาแบบฝึกทักษะเรื่องการอ่านจับใจความสำคัญกลุ่มสาระการเรียนร
ชื่อเรื่อง การพัฒนาแบบฝึกทักษะเรื่องการอ่านจับใจความสำคัญกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ชื่อผู้ศึกษา เย็นใจ จันทระ
หน่วยงาน โรงเรียนอนุบาลสงขลา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสงขลา เขต 1
ปีการศึกษา 2557
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาแบบฝึกทักษะเรื่องการอ่านจับใจความสำคัญกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/802) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะเรื่องการอ่านจับใจความสำคัญ3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะเรื่องการอ่านจับใจความสำคัญกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/3 ภาคเรียนที่ 1ปีการศึกษา 2557จำนวน 45 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง(Purposive Sampling)เป็นกลุ่มทดลองที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะเรื่องการอ่านจับใจความสำคัญใช้เวลาในการศึกษา 25ชั่วโมง เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย แบบฝึกทักษะเรื่องการอ่านจับใจความสำคัญแผนการจัดการเรียนรู้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบสอบถามวัดความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะเรื่องการอ่านจับใจความสำคัญ ข้อมูลที่ได้จากการทดลองนำมาวิเคราะห์โดยการหาค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และสถิติทดสอบที (t – testdependent samples)
ผลการศึกษาพบว่าแบบฝึกทักษะเรื่องการอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ 3ที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ85.38/84.67ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 80/80ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่3 ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะเรื่องการอ่านจับใจความสำคัญหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01และความพึงพอใจที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่3 ในภาพรวมอยู่ในระดับมากมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ2.84ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.36
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ชื่อผู้ศึกษา เย็นใจ จันทระ
หน่วยงาน โรงเรียนอนุบาลสงขลา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสงขลา เขต 1
ปีการศึกษา 2557
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาแบบฝึกทักษะเรื่องการอ่านจับใจความสำคัญกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/802) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะเรื่องการอ่านจับใจความสำคัญ3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะเรื่องการอ่านจับใจความสำคัญกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/3 ภาคเรียนที่ 1ปีการศึกษา 2557จำนวน 45 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง(Purposive Sampling)เป็นกลุ่มทดลองที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะเรื่องการอ่านจับใจความสำคัญใช้เวลาในการศึกษา 25ชั่วโมง เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย แบบฝึกทักษะเรื่องการอ่านจับใจความสำคัญแผนการจัดการเรียนรู้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบสอบถามวัดความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะเรื่องการอ่านจับใจความสำคัญ ข้อมูลที่ได้จากการทดลองนำมาวิเคราะห์โดยการหาค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และสถิติทดสอบที (t – testdependent samples)
ผลการศึกษาพบว่าแบบฝึกทักษะเรื่องการอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ 3ที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ85.38/84.67ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 80/80ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่3 ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะเรื่องการอ่านจับใจความสำคัญหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01และความพึงพอใจที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่3 ในภาพรวมอยู่ในระดับมากมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ2.84ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.36