ผลการจัดการละเล่นพื้นบ้านที่มีต่อสมรรถภาพทางกลไกของเด็กปฐมวัย
เรื่องที่วิจัย รายงานผลการจัดกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านที่มีต่อสมรรถภาพทางกลไกของเด็กปฐมวัย
อายุ 3 ปี ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กองค์การบริหารส่วนตำบลพะงาด
ผู้วิจัย นางขวัญดาว ทนกระโทก ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการ
หน่วยงาน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กองค์การบริหารส่วนตำบลพะงาด อำเภอ ขามสะแกแสง
จังหวัด นครราชสีมา กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย
ปีที่พิมพ์ 2562
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลการทดสอบสมรรถภาพทางกลไกของเด็กปฐมวัย อายุ 3 ปี ระหว่างจัดกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้าน และเพื่อเปรียบเทียบผลการทดสอบสมรรถภาพทางกลไกของเด็กปฐมวัย อายุ 3 ปี ระหว่างก่อนและหลังการจัดกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้าน
กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ เด็กปฐมวัย ชาย-หญิง อายุ 3 ปี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กองค์การบริหารส่วนตำบลพะงาด โดยวิธีการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จำนวน 32 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ประกอบด้วย แผนการจัดกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านที่ส่งผลต่อสมรรถภาพทางกลไก จำนวน 50 แผน และแบบทดสอบสมรรถภาพทางกลไกสำหรับเด็กปฐมวัยของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (Kasetsart Motor Fitness Test) จำนวน 6 ด้าน สถิติพื้นฐาน ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เปรียบเทียบผลการทดสอบสมมติฐานโดยใช้ t-test (Dependent Sample)
สรุปผลการวิจัย
1. ผลการทดสอบสมรรถภาพทางกลไกของเด็กปฐมวัย อายุ 3 ปี ระหว่างจัดกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้าน เด็กปฐมวัยชายมีผลการทดสอบสมรรถภาพทางกลไกด้านความอ่อนตัวอยู่ในระดับดี ด้านความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและความอดทนอยู่ในระดับปานกลาง ด้านพลังของกล้ามเนื้อแขนอยู่ในระดับ ค่อนข้างต่ำ ด้านพลังของกล้ามเนื้อขาอยู่ในระดับต่ำ ด้านความคล่องแคล่วว่องไวอยู่ในระดับต่ำ และด้านความเร็วอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ เด็กปฐมวัยหญิงมีผลการทดสอบสมรรถภาพทางกลไกด้านความอ่อนตัว อยู่ในระดับดี ด้านความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและความอดทน อยู่ในระดับ ปานกลาง ด้านพลังของกล้ามเนื้อแขนอยู่ในระดับ ค่อนข้างต่ำ ด้านพลังของกล้ามเนื้อขาอยู่ในระดับต่ำ ด้านความคล่องแคล่วว่องไว อยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ และด้านความเร็ว อยู่ในระดับ ค่อนข้างต่ำ
2. ผลการทดสอบสมรรถภาพทางกลไกของเด็กปฐมวัย อายุ 3 ปี ระหว่างก่อนและหลังการจัดกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยผลการทดสอบสมรรถภาพทางกลไกของเด็กปฐมวัยหลังจัดกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านสูงกว่าก่อนจัดกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้าน
อายุ 3 ปี ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กองค์การบริหารส่วนตำบลพะงาด
ผู้วิจัย นางขวัญดาว ทนกระโทก ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการ
หน่วยงาน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กองค์การบริหารส่วนตำบลพะงาด อำเภอ ขามสะแกแสง
จังหวัด นครราชสีมา กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย
ปีที่พิมพ์ 2562
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลการทดสอบสมรรถภาพทางกลไกของเด็กปฐมวัย อายุ 3 ปี ระหว่างจัดกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้าน และเพื่อเปรียบเทียบผลการทดสอบสมรรถภาพทางกลไกของเด็กปฐมวัย อายุ 3 ปี ระหว่างก่อนและหลังการจัดกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้าน
กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ เด็กปฐมวัย ชาย-หญิง อายุ 3 ปี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กองค์การบริหารส่วนตำบลพะงาด โดยวิธีการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จำนวน 32 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ประกอบด้วย แผนการจัดกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านที่ส่งผลต่อสมรรถภาพทางกลไก จำนวน 50 แผน และแบบทดสอบสมรรถภาพทางกลไกสำหรับเด็กปฐมวัยของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (Kasetsart Motor Fitness Test) จำนวน 6 ด้าน สถิติพื้นฐาน ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เปรียบเทียบผลการทดสอบสมมติฐานโดยใช้ t-test (Dependent Sample)
สรุปผลการวิจัย
1. ผลการทดสอบสมรรถภาพทางกลไกของเด็กปฐมวัย อายุ 3 ปี ระหว่างจัดกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้าน เด็กปฐมวัยชายมีผลการทดสอบสมรรถภาพทางกลไกด้านความอ่อนตัวอยู่ในระดับดี ด้านความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและความอดทนอยู่ในระดับปานกลาง ด้านพลังของกล้ามเนื้อแขนอยู่ในระดับ ค่อนข้างต่ำ ด้านพลังของกล้ามเนื้อขาอยู่ในระดับต่ำ ด้านความคล่องแคล่วว่องไวอยู่ในระดับต่ำ และด้านความเร็วอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ เด็กปฐมวัยหญิงมีผลการทดสอบสมรรถภาพทางกลไกด้านความอ่อนตัว อยู่ในระดับดี ด้านความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและความอดทน อยู่ในระดับ ปานกลาง ด้านพลังของกล้ามเนื้อแขนอยู่ในระดับ ค่อนข้างต่ำ ด้านพลังของกล้ามเนื้อขาอยู่ในระดับต่ำ ด้านความคล่องแคล่วว่องไว อยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ และด้านความเร็ว อยู่ในระดับ ค่อนข้างต่ำ
2. ผลการทดสอบสมรรถภาพทางกลไกของเด็กปฐมวัย อายุ 3 ปี ระหว่างก่อนและหลังการจัดกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยผลการทดสอบสมรรถภาพทางกลไกของเด็กปฐมวัยหลังจัดกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านสูงกว่าก่อนจัดกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้าน