การพัฒนานิทานคำคล้องจองร่วมกับแบบฝึกทักษะเพื่อพัฒนาทักษะพื้นฐาน
ชื่อเรื่อง การพัฒนานิทานคำคล้องจอง ร่วมกับแบบฝึกทักษะเพื่อพัฒนาทักษะพื้นฐานด้านคณิตศาสตร์ สำหรับเด็ก
ปฐมวัยอายุ 3-4 ปี
ผู้วิจัย นางธันยพร มะโนชาติ
ศูนย์พัฒนาเล็กบ้านจอก องค์การบริหารส่วนตำบลสะพุง จังหวัดศรีสะเกษ
ปีที่วิจัย 2561
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้วัตถุประสงค์ของการวิจัย 1) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพนิทานคำคล้องจองร่วมกับแบบฝึกทักษะเพื่อพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ สำหรับเด็กปฐมวัย อายุ 3-4 ปี ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อหาค่าดัชนีประสิทธิผลของนิทานคำคล้องจองร่วมกับแบบฝึกทักษะเพื่อพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ สำหรับเด็กปฐมวัย อายุ 3-4 ปี และ 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของเด็กปฐมวัย อายุ 3-4 ปี ก่อนและหลังการจัดประสบการณ์ กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัย คือ เด็กปฐมวัย อายุ 3-4 ปี ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดบ้านจอก สังกัดองค์การบริหารส่วนตำบลสะพุง อำเภอศรีรัตนะ จังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 20 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดประสบการณ์โดยใช้นิทานคำคล้องจอง จำนวน 40 แผน ประกอบด้วย นิทานคำคล้องจอง 16 เรื่อง แบบฝึกทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ จำนวน 32 แบบฝึก แบบทดสอบวัดทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ สำหรับเด็กชั้นอนุบาลปี่ที 2 เป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 3 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ มีค่าความยากอยู่ ระหว่าง 0.39 – 0.77 ค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.55 – 0.95 และมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.97 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและสถิติทดสอบสมมติฐานใช้ t-test (Dependent Samples)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ประสิทธิภาพของนิทานคำคล้องจองร่วมกับแบบฝึกทักษะเพื่อพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ สำหรับเด็กปฐมวัย อายุ 3-4 ปี มีประสิทธิภาพเท่ากับ 93.50/90.75 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ได้ตั้งไว้
2. ดัชนีประสิทธิผลของนิทานคำคล้องจองร่วมกับแบบฝึกทักษะเพื่อพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ สำหรับเด็กปฐมวัย อายุ 3-4 ปี มีค่าเท่ากับ 0.7744 ซึ่งหมายความว่า เด็กปฐมวัย อายุ 3-4 ปี ที่จัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยนิทานคำคล้องจองเพื่อพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ สำหรับเด็กปฐมวัย อายุ 3-4 ปี มีทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์เพิ่มขึ้น 0.7744 หรือคิดเป็นร้อยละ 77.44
3. ผลการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัย อายุ 3-4 ปี มีคะแนนสอบหลังการจัดประสบการณ์สูงกว่าก่อนการจัดประสบการณ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
ปฐมวัยอายุ 3-4 ปี
ผู้วิจัย นางธันยพร มะโนชาติ
ศูนย์พัฒนาเล็กบ้านจอก องค์การบริหารส่วนตำบลสะพุง จังหวัดศรีสะเกษ
ปีที่วิจัย 2561
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้วัตถุประสงค์ของการวิจัย 1) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพนิทานคำคล้องจองร่วมกับแบบฝึกทักษะเพื่อพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ สำหรับเด็กปฐมวัย อายุ 3-4 ปี ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อหาค่าดัชนีประสิทธิผลของนิทานคำคล้องจองร่วมกับแบบฝึกทักษะเพื่อพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ สำหรับเด็กปฐมวัย อายุ 3-4 ปี และ 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของเด็กปฐมวัย อายุ 3-4 ปี ก่อนและหลังการจัดประสบการณ์ กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัย คือ เด็กปฐมวัย อายุ 3-4 ปี ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดบ้านจอก สังกัดองค์การบริหารส่วนตำบลสะพุง อำเภอศรีรัตนะ จังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 20 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดประสบการณ์โดยใช้นิทานคำคล้องจอง จำนวน 40 แผน ประกอบด้วย นิทานคำคล้องจอง 16 เรื่อง แบบฝึกทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ จำนวน 32 แบบฝึก แบบทดสอบวัดทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ สำหรับเด็กชั้นอนุบาลปี่ที 2 เป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 3 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ มีค่าความยากอยู่ ระหว่าง 0.39 – 0.77 ค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.55 – 0.95 และมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.97 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและสถิติทดสอบสมมติฐานใช้ t-test (Dependent Samples)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ประสิทธิภาพของนิทานคำคล้องจองร่วมกับแบบฝึกทักษะเพื่อพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ สำหรับเด็กปฐมวัย อายุ 3-4 ปี มีประสิทธิภาพเท่ากับ 93.50/90.75 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ได้ตั้งไว้
2. ดัชนีประสิทธิผลของนิทานคำคล้องจองร่วมกับแบบฝึกทักษะเพื่อพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ สำหรับเด็กปฐมวัย อายุ 3-4 ปี มีค่าเท่ากับ 0.7744 ซึ่งหมายความว่า เด็กปฐมวัย อายุ 3-4 ปี ที่จัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยนิทานคำคล้องจองเพื่อพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ สำหรับเด็กปฐมวัย อายุ 3-4 ปี มีทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์เพิ่มขึ้น 0.7744 หรือคิดเป็นร้อยละ 77.44
3. ผลการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัย อายุ 3-4 ปี มีคะแนนสอบหลังการจัดประสบการณ์สูงกว่าก่อนการจัดประสบการณ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05