การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยแบบฝึกหัด เรื่อง กฏของโอห์ม
ชื่อเรื่อง : การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยแบบฝึกหัด เรื่อง กฏของโอห์ม วิชาวิทยาศาสตร์
ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
ผู้วิจัย : นางสาวอัมพร ปาทะ
สถานศึกษา : โรงเรียนบ้านแอ่นจัดสรร สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 5
ปีการศึกษา : 2558
บทคัดย่อ
การเรียนวิชาวิทยาศาสตร์เป็นวิชาที่มีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนต้องคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลของผู้เรียน โดยเฉพาะการเรียนที่ต้องอาศัยทักษะด้านการคิดคำนวณ ซึ่งผู้เรียนขาดทักษะในการคิดคำนวณ บวก ลบ คูณ และการหารเลขที่มีทศนิยม ในการวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อพัฒนาแบบฝึกหัด เรื่อง กฎของโอห์ม และเพื่อให้นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีประสิทธิภาพ 80/80 เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกหัด และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกหัด เรื่อง กฎของโอห์ม กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 30 คนที่ได้มาจากการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า คือ แบบฝึกหัด เรื่อง กฎของโอห์ม วิชาวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 4 ชุด แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกหัด เรื่อง กฎของโอห์ม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ของมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า แบบฝึกหัด เรื่อง กฎของโอห์ม วิชาวิทยาศาสตร์ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.52/83.67 มีดัชนนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.77 หมายถึง นักเรียนมีความรู้หลังเรียนเพิ่มขึ้น 0.77 คิดเป็นร้อยละ 77.31 และนักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยแบบฝึกหัด เรื่อง กฎของโอห์ม อยู่ในระดับมาก ครูสามารถนำแบบฝึกหัดไปใช้ในการพัฒนาผู้เรียนในเรื่องกฎของโอห์มได้
อ่านต่อได้ที่: https://www.kruwandee.com/index.php?module=forum-write
ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
ผู้วิจัย : นางสาวอัมพร ปาทะ
สถานศึกษา : โรงเรียนบ้านแอ่นจัดสรร สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 5
ปีการศึกษา : 2558
บทคัดย่อ
การเรียนวิชาวิทยาศาสตร์เป็นวิชาที่มีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนต้องคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลของผู้เรียน โดยเฉพาะการเรียนที่ต้องอาศัยทักษะด้านการคิดคำนวณ ซึ่งผู้เรียนขาดทักษะในการคิดคำนวณ บวก ลบ คูณ และการหารเลขที่มีทศนิยม ในการวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อพัฒนาแบบฝึกหัด เรื่อง กฎของโอห์ม และเพื่อให้นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีประสิทธิภาพ 80/80 เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกหัด และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกหัด เรื่อง กฎของโอห์ม กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 30 คนที่ได้มาจากการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า คือ แบบฝึกหัด เรื่อง กฎของโอห์ม วิชาวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 4 ชุด แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกหัด เรื่อง กฎของโอห์ม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ของมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า แบบฝึกหัด เรื่อง กฎของโอห์ม วิชาวิทยาศาสตร์ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.52/83.67 มีดัชนนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.77 หมายถึง นักเรียนมีความรู้หลังเรียนเพิ่มขึ้น 0.77 คิดเป็นร้อยละ 77.31 และนักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยแบบฝึกหัด เรื่อง กฎของโอห์ม อยู่ในระดับมาก ครูสามารถนำแบบฝึกหัดไปใช้ในการพัฒนาผู้เรียนในเรื่องกฎของโอห์มได้
อ่านต่อได้ที่: https://www.kruwandee.com/index.php?module=forum-write