รายงานการพัฒนาแบบฝึกพัฒนาทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์
ชื่อเรื่อง รายงานการพัฒนาแบบฝึกพัฒนาทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์สำหรับนักเรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
ผู้ศึกษา นางสาวน้ำผึ้ง หมุดเพชร
ที่ทำงาน โรงเรียนเทศบาลท่าอิฐ อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์
ปีที่ศึกษา 2557
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีจุดประสงค์ 1) เพื่อสร้างและพัฒนาแบบฝึกพัฒนาทักษะการเขียน เชิงสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพ / เท่ากับ 80/80 และมีค่าดัชนีประสิทธิผลตั้งแต่ 0.5 ขึ้นไป 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ที่ได้รับการสอนโดยใช้แบบฝึกพัฒนาทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ก่อนเรียนและหลังเรียน 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อ การเรียนรู้โดยการใช้แบบฝึกพัฒนาทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วยแบบฝึกพัฒนาทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ประกอบด้วยแบบฝึกทั้งหมด 18 แบบฝึก ซึ่งแต่ละแบบฝึกหัดจะเน้นการแสดงออกทางความคิดสร้างสรรค์ 3 ด้าน คือ ความคิดคล่อง ความยืดหยุ่น ความคิดริเริ่ม แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การเขียนเชิงสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 2 จำนวน 21 แผน แบบทดสอบวัดวัดทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 แบบอัตนัย จำนวน 3 ฉบับ และแบบวัดความพึงพอใจของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการเรียนรู้โดยการใช้แบบฝึกพัฒนาทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 เป็นมาตราส่วนประมาณค่า (Rating scale) 5 ระดับ จำนวน 10 ข้อ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติค่าเฉลี่ยค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (t-test)
สรุปผลการศึกษา
1. แบบฝึกพัฒนาทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.63/84.62 และค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.67 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากการทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียน พบว่า
มีค่าเฉลี่ยของคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนเท่ากับ 16.06 หลังเรียนมีค่าเฉลี่ยของคะแนน
เท่ากับ 25.39 และผลการเปรียบเทียบความแตกต่างกันระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนโดยการทดสอบค่าที (t-test) เท่ากับ 16.74 แสดงว่าคะแนนหลังเรียนสูงขึ้นกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยการใช้
แบบฝึกพัฒนาทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ พบว่านักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้โดยการใช้แบบฝึกพัฒนาทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ ในระดับความพึงพอใจมากที่สุดมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.51 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.50
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
ผู้ศึกษา นางสาวน้ำผึ้ง หมุดเพชร
ที่ทำงาน โรงเรียนเทศบาลท่าอิฐ อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์
ปีที่ศึกษา 2557
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีจุดประสงค์ 1) เพื่อสร้างและพัฒนาแบบฝึกพัฒนาทักษะการเขียน เชิงสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพ / เท่ากับ 80/80 และมีค่าดัชนีประสิทธิผลตั้งแต่ 0.5 ขึ้นไป 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ที่ได้รับการสอนโดยใช้แบบฝึกพัฒนาทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ก่อนเรียนและหลังเรียน 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อ การเรียนรู้โดยการใช้แบบฝึกพัฒนาทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วยแบบฝึกพัฒนาทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ประกอบด้วยแบบฝึกทั้งหมด 18 แบบฝึก ซึ่งแต่ละแบบฝึกหัดจะเน้นการแสดงออกทางความคิดสร้างสรรค์ 3 ด้าน คือ ความคิดคล่อง ความยืดหยุ่น ความคิดริเริ่ม แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การเขียนเชิงสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 2 จำนวน 21 แผน แบบทดสอบวัดวัดทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 แบบอัตนัย จำนวน 3 ฉบับ และแบบวัดความพึงพอใจของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการเรียนรู้โดยการใช้แบบฝึกพัฒนาทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 เป็นมาตราส่วนประมาณค่า (Rating scale) 5 ระดับ จำนวน 10 ข้อ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติค่าเฉลี่ยค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (t-test)
สรุปผลการศึกษา
1. แบบฝึกพัฒนาทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.63/84.62 และค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.67 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากการทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียน พบว่า
มีค่าเฉลี่ยของคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนเท่ากับ 16.06 หลังเรียนมีค่าเฉลี่ยของคะแนน
เท่ากับ 25.39 และผลการเปรียบเทียบความแตกต่างกันระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนโดยการทดสอบค่าที (t-test) เท่ากับ 16.74 แสดงว่าคะแนนหลังเรียนสูงขึ้นกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยการใช้
แบบฝึกพัฒนาทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ พบว่านักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้โดยการใช้แบบฝึกพัฒนาทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ ในระดับความพึงพอใจมากที่สุดมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.51 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.50