การพัฒนารูปแบบการสอนตามแนวคิดการเรียนแบบร่วมมือร่วมกับการเรียน
ชุมชนเป็นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมเพื่อส่งเสริม
ความเป็นพลเมืองตามวิถีประชาธิปไตยและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ผู้วิจัย นางพวงรัตน์ เจดีย์รัตน์
ชื่อหน่วยงาน โรงเรียนเทศบาลวัดท้าวโคตร สำนักการศึกษา เทศบาลนครนครศรีธรรมราช
ปีที่วิจัย 2562
บทคัดย่อ
การพัฒนารูปแบบการสอนตามแนวคิดการเรียนแบบร่วมมือร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้ชุมชน เป็นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมเพื่อส่งเสริมความเป็นพลเมืองตามวิถีประชาธิปไตยและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการสอนตามแนวคิดการเรียนแบบร่วมมือร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้ชุมชนเป็นฐานกลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมเพื่อส่งเสริมความเป็นพลเมือง ตามวิถีประชาธิปไตยและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 2) พัฒนารูปแบบการสอนตามแนวคิดการเรียนแบบร่วมมือร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้ชุมชนเป็นฐานกลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมเพื่อส่งเสริมความเป็นพลเมืองตามวิถีประชาธิปไตยและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 3) ทดลองใช้รูปแบบการสอนตามแนวคิดการเรียนแบบร่วมมือร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้ชุมชนเป็นฐานกลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมเพื่อส่งเสริมความเป็นพลเมืองตามวิถีประชาธิปไตยและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 4) ประเมินรูปแบบการสอนตามแนวคิดการเรียนแบบร่วมมือร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้ชุมชนเป็นฐานกลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมเพื่อส่งเสริมความเป็นพลเมืองตามวิถีประชาธิปไตยและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาลวัดท้าวโคตร สำนักการศึกษา เทศบาลนครนครศรีธรรมราช ที่กำลังเรียนในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 34 คน ซึ่งได้มาโดยการโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ รูปแบบการสอนตามแนวคิดการเรียนแบบร่วมมือร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมเพื่อส่งเสริมความเป็นพลเมืองตามวิถีประชาธิปไตยและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 แบบสังเกตพฤติกรรมความเป็นพลเมืองความเป็นพลเมืองตามวิถีประชาธิปไตย แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการเรียนการสอน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) การทดสอบค่าทีแบบไม่อิสระและการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)
ผลการวิจัยพบว่า
1) ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการสอนตามแนวคิดการเรียนแบบร่วมมือร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้ชุมชนเป็นฐานกลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมเพื่อส่งเสริมความเป็นพลเมืองตามวิถีประชาธิปไตยและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่นักเรียนต้องการ พบว่า นักเรียนส่วนใหญ่ต้องการใช้รูปแบบการสอนตามแนวคิดการเรียนแบบร่วมมือร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้ชุมชนเป็นฐานกลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมเพื่อส่งเสริมความเป็นพลเมืองตามวิถีประชาธิปไตยและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
2) ผลการพัฒนารูปแบบการสอนที่ผู้วิจัยสังเคราะห์ขึ้นใช้ชื่อเรียกว่า “IOTEC Model” มีองค์ประกอบของการพัฒนารูปแบบการสอนตามแนวคิดการเรียนแบบร่วมมือร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้ชุมชนเป็นฐานกลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมเพื่อส่งเสริมความเป็นพลเมืองตามวิถีประชาธิปไตยและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3โรงเรียนเทศบาลวัด ท้าวโคตร 5 ขั้นตอนได้แก่ 1) ขั้นการนำเข้าสู่บทเรียน(Importing) 2)ขั้นตกลงการเรียนรู้(OK to learn) 3) ขั้นสอน(Teaching) 4) ขั้นแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Eductional Exchange) และ 5) ขั้นสรุป(Conclusion) ผลจากการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญ 5 คน ผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ต้องการให้พัฒนารูปแบบการสอนตามแนวคิดการเรียนแบบร่วมมือร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้ชุมชนเป็นฐานกลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมเพื่อส่งเสริมความเป็นพลเมืองตามวิถีประชาธิปไตย และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ผู้เรียนสามารถเรียนรู้อย่างมีความสุข เพราะมีการเรียนรู้ด้วยตนเอง ควบคู่กับกิจกรรมกลุ่มและการทำแบบฝึกหัด บทเรียนมีภาพสีสันสดใส มีกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลายไม่น่าเบื่อพร้อมทั้งให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง ผลการพัฒนารูปแบบการสอนตามแนวคิดการเรียนแบบร่วมมือร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้ชุมชนเป็นฐานกลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมเพื่อส่งเสริมความเป็นพลเมืองตามวิถีประชาธิปไตยและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ค่าประสิทธิภาพ E1 / E2 แบบรายบุคคล(Individual Tryout) เท่ากับ 78.22/76.67 ค่าประสิทธิภาพ E1 / E2 แบบกลุ่มเล็ก (Small GroupTryout) เท่ากับ 80.14/80.37และค่าประสิทธิภาพ E1 / E2 จากการทดลองภาคสนาม มีค่าเท่ากับ 80.87/80.43 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 ที่กำหนดไว้
3) ผลการทดลองใช้รูปแบบการสอนตามแนวคิดการเรียนแบบร่วมมือร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้ชุมชนเป็นฐานกลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมเพื่อส่งเสริมความเป็นพลเมืองตามวิถีประชาธิปไตยและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 กับกลุ่มตัวอย่างจำนวน 34 คนได้ค่าประสิทธิ ภาพ E1 / E2 เท่ากับ 80.47/81.26 ความเป็นพลเมืองตามวิถีประชาธิปไตยหลังเรียนด้วยรูปแบบการสอนตามแนวคิดการเรียนแบบร่วมมือร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้ชุมชนเป็นฐานกลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมเพื่อส่งเสริมความเป็นพลเมือง ตามวิถีประชาธิปไตย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องความเป็นพลเมือง ตามวิถีประชาธิปไตย ของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้รูปแบบการสอนตามแนวคิดการเรียนแบบร่วมมือร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้ชุมชนเป็นฐานกลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมเพื่อส่งเสริมความเป็นพลเมืองตามวิถีประชาธิปไตยและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 คะแนนหลังเรียนสูงกว่าคะแนนก่อนเรียน ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องความเป็นพลเมืองตามวิถีประชาธิปไตย ของนักเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4) ผลการประเมินรูปแบบการสอนตามแนวคิดการเรียนแบบร่วมมือร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้ชุมชนเป็นฐานกลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมเพื่อส่งเสริมความเป็นพลเมืองตามวิถีประชาธิปไตยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 พบว่านักเรียนมีความพึงพอใจต่อรูปแบบการสอนตามแนวคิดการเรียนแบบร่วมมือร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้ชุมชนเป็นฐานกลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมเพื่อส่งเสริมความเป็นพลเมืองตามวิถีประชาธิปไตยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 อยู่ในระดับมากที่สุด