การพัฒนาทักษะการพูดโดยใช้กิจกรรมการเรียนการสอนรูปแบบ STORY LINE
การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษด้วยเทคนิคการสอนแบบสตอรี่ไลน์ (Story Line)
ผู้วิจัย นางสาวเกศมณี ประสงค์อยู่
บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์ของการวิจัยในครั้งนี้ เพื่อศึกษาการพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษด้วยเทคนิคการสอนแบบสตอรี่ไลน์ (Story Line) เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาอังกฤษ ในรายวิชาภาษาอังกฤษฟัง-พูด (20000-1202) ของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ วิทยาลัยการอาชีพนครปฐม ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ได้แก่ นักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 1 วิทยาลัยการอาชีพนครปฐม จำนวน 175 คน กลุ่มตัวอย่าง คือนักเรียนระดับประกาศนียบัตร ชั้นปีที่ 1 สาขางานคอมพิวเตอร์ธุรกิจ จำนวน 37 คน เป็นกลุ่มตัวอย่างที่ได้รับการคัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจงเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน ซึ่งเป็นข้อสอบคู่ขนาน จำนวน 60 ข้อ และเอกสารแบบฝึกทักษะการอ่านที่มีเนื้อหาสอดคล้องกับสาระการเรียนรู้ จำนวน 5 หน่วย คือ Unit 1 เรื่อง Personal Profile Unit 2 เรื่อง Excuse and Sorry Unit 3 เรื่อง Telephoning Unit 5 เรื่อง Company Profile และ Unit 6 เรื่อง Communication Ways
วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าเฉลี่ย และค่าร้อยละ ผลการวิจัยพบว่าการจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษด้วยเทคนิคการสอนแบบสตอรี่ไลน์ (Story Line) สามารถทำให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น มีค่าเฉลี่ยของคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียนที่สูงขึ้นแตกต่างกันที่ร้อยละ 35.47 และนักเรียนมีความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษหลังจากเสร็จสิ้นการฝึกทักษะครบทั้ง 5 หน่วยการเรียน มีคะแนนรวมที่ ร้อยละ 57.20
ผู้วิจัย นางสาวเกศมณี ประสงค์อยู่
บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์ของการวิจัยในครั้งนี้ เพื่อศึกษาการพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษด้วยเทคนิคการสอนแบบสตอรี่ไลน์ (Story Line) เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาอังกฤษ ในรายวิชาภาษาอังกฤษฟัง-พูด (20000-1202) ของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ วิทยาลัยการอาชีพนครปฐม ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ได้แก่ นักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 1 วิทยาลัยการอาชีพนครปฐม จำนวน 175 คน กลุ่มตัวอย่าง คือนักเรียนระดับประกาศนียบัตร ชั้นปีที่ 1 สาขางานคอมพิวเตอร์ธุรกิจ จำนวน 37 คน เป็นกลุ่มตัวอย่างที่ได้รับการคัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจงเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน ซึ่งเป็นข้อสอบคู่ขนาน จำนวน 60 ข้อ และเอกสารแบบฝึกทักษะการอ่านที่มีเนื้อหาสอดคล้องกับสาระการเรียนรู้ จำนวน 5 หน่วย คือ Unit 1 เรื่อง Personal Profile Unit 2 เรื่อง Excuse and Sorry Unit 3 เรื่อง Telephoning Unit 5 เรื่อง Company Profile และ Unit 6 เรื่อง Communication Ways
วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าเฉลี่ย และค่าร้อยละ ผลการวิจัยพบว่าการจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษด้วยเทคนิคการสอนแบบสตอรี่ไลน์ (Story Line) สามารถทำให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น มีค่าเฉลี่ยของคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียนที่สูงขึ้นแตกต่างกันที่ร้อยละ 35.47 และนักเรียนมีความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษหลังจากเสร็จสิ้นการฝึกทักษะครบทั้ง 5 หน่วยการเรียน มีคะแนนรวมที่ ร้อยละ 57.20