การพัฒนาแบบฝึกทักษะกีฬาวอลเลย์บอล
ผู้วิจัย นายนพพร โคตรภูเขียว
ปีที่ศึกษา ปีการศึกษา 2562
บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาแบบฝึกทักษะกีฬาวอลเลย์บอล รายวิชาพลศึกษา (วอลเลย์บอล) รหัสวิชา พ23103 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กำหนด 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่ใช้แบบฝึกทักษะกีฬาวอลเลย์บอล รายวิชาพลศึกษา (วอลเลย์บอล) รหัสวิชา พ23103 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 3) เพื่อศึกษาค่าดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะกีฬาวอลเลย์บอล รายวิชาพลศึกษา (วอลเลย์บอล) รหัสวิชา พ23103 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ
4) เพื่อศึกษาระดับความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะกีฬาวอลเลย์บอล รายวิชาพลศึกษา (วอลเลย์บอล) รหัสวิชา พ23103
กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาลบ้านไผ่ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 62 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม รูปแบบการวิจัย เป็นการวิจัยเชิงทดลอง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ 1) แบบฝึกทักษะกีฬาวอลเลย์บอล รายวิชาพลศึกษา (วอลเลย์บอล) รหัสวิชา พ23103 จำนวน 7 เล่ม 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทักษะกีฬาวอลเลย์บอล รายวิชาพลศึกษา (วอลเลย์บอล) รหัสวิชา พ23103 และ 3) แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะกีฬาวอลเลย์บอล รายวิชาพลศึกษา (วอลเลย์บอล) รหัสวิชา พ23103 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ การทดสอบค่าที (t-test)
ผลการศึกษาค้นคว้า พบว่า
1. แบบฝึกทักษะกีฬาวอลเลย์บอล รายวิชาพลศึกษา (วอลเลย์บอล) รหัสวิชา พ23103 มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 92.12/90.05 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ตั้งไว้ คือ 90/90
2. นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน สูงกว่าก่อนเรียนด้วยแบบฝึกทักษะกีฬาวอลเลย์บอล รายวิชาพลศึกษา (วอลเลย์บอล) รหัสวิชา พ23103 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ค่าดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะกีฬาวอลเลย์บอล มีค่าเท่ากับ 0.8606 แสดงว่า แบบฝึกทักษะกีฬาวอลเลย์บอล ส่งผลต่อการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 86.06
4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะกีฬาวอลเลย์บอล รายวิชา
พลศึกษา (วอลเลย์บอล) รหัสวิชา พ23103 อยู่ในระดับมาก