การพัฒนาแบบฝึกทักษะภาษาไทย เรื่อง การอ่านและการเขียนสะกดคำประสม
เสียงยาว ประกอบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิด Brain-based Learning เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านและการ
เขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
ชื่อผู้ศึกษา นางสุมาลี ฆังมณี ตำแหน่งครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
โรงเรียนเทศบาลวัดคงคาสวัสดิ์ สังกัดเทศบาลเมืองปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช
ปีการศึกษา 2561
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างและหาประสิทธิภาพแบบฝึกทักษะภาษาไทย เรื่อง การเขียนสะกดคำประสมสระเสียงยาว 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกทักษะภาษาไทย 3) ประเมินทักษะการอ่านและการเขียนของนักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะภาษาไทย 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะภาษาไทย เรื่อง การเขียนสะกดคำประสมสระเสียงยาว ประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิด Brain-based Learning เพื่อส่งเสริมความสามารถด้านการเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดยมีกลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปี 2/1 โรงเรียนเทศบาลวัดคงคาสวัสดิ์ สังกัดกองการศึกษา เทศบาลเมืองปากพนัง ที่เรียนในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 32 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาวิจัย 1) แบบฝึกทักษะภาษาไทย เรื่อง การอ่านและการเขียนสะกดคำประสมสระเสียงยาว จำนวน 6 เล่ม 2) แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การอ่านและการเขียนสะกดคำประสมสระเสียงยาว เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียน จำนวน 6 แผน รวมเวลาที่ใช้ในการทดลอง 18 ชั่วโมง 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 30 ข้อ 4) แบบประเมินการอ่านและการเขียน จำนวน 30 ข้อ 5) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะภาษาไทย เรื่อง การอ่านและการเขียนสะกดคำประสมสระเสียงยาว ประกอบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิด Brain-based Learning เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านและการเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 วิเคราะห์ข้อมูล โดยการหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การเปรียบเทียบค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ และการทดสอบค่า T (t–test dependent)
ผลการวิจัยพบว่า
1. แบบฝึกทักษะภาษาไทย เรื่อง การอ่านและการเขียนสะกดคำประสมสระเสียงยาว ประกอบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิด Brain-based Learning เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านและการเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 87.95/87.60
สูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ผู้ศึกษากำหนดไว้
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะภาษาไทย เรื่อง การอ่านและการเขียนสะกดคำประสมสระเสียงยาว ประกอบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิด Brain-based Learning เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านและการเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีคะแนนเฉลี่ยจากการทดสอบหลังเรียนสูงกว่าคะแนนเฉลี่ยจากการทดสอบก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.01
3. ผลการประเมินทักษะการอ่านและการเขียนของนักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะภาษาไทย เรื่อง การอ่านและการเขียนสะกดคำประสมสระเสียงยาว ประกอบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิด Brain-based Learning กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
3.1 ผลการประเมินทักษะการอ่านของนักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะภาษาไทย เรื่อง การอ่านและการเขียนสะกดคำประสมสระเสียงยาว ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีคะแนนเฉลี่ยจากการประเมิน 32.59 จากคะแนนเต็ม 40 คิดเป็นร้อยละ 81.48 เมื่อเทียบกับเกณฑ์การเมินทักษะการอ่าน อยู่ในระดับดีมาก ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ ร้อยละ 75 ที่ตั้งไว้
3.2 ผลการประเมินทักษะการเขียนของนักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะภาษาไทย เรื่อง การอ่านและการเขียนสะกดคำประสมสระเสียงยาว ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีคะแนนเฉลี่ยจากการประเมิน 24.31จากคะแนนเต็ม 30 คิดเป็นร้อยละ 81.04 เมื่อเทียบกับเกณฑ์การเมินทักษะการเขียน อยู่ในระดับดีมาก ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ ร้อยละ 75 ที่ตั้งไว้
4. ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะภาษาไทย เรื่อง การอ่านและการเขียนสะกดคำประสมสระเสียงยาว ประกอบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิด Brain-based Learning เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านและการเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ในภาพรวม อยู่ในระดับมากที่สุด ( =4.61, S.D.=0. 48)