LASTEST NEWS

29 พ.ย. 2567โรงเรียนชลกันยานุกูล ประกาศปิดกรณีพิเศษ หยุดเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2-3 ม.ค.68 มีผลหยุดยาว 9 วัน ตั้งแต่ 28 ธ.ค. 67 - 5 ม.ค.68 29 พ.ย. 2567โรงเรียนไพศาลีพิทยา รับสมัครครูอัตราจ้าง 2 อัตรา เงินเดือน 10,000.- บาท สมัครตั้งแต่บัดนี้ - 6 ธันวาคม 2567 28 พ.ย. 2567วิทยาลัยสารพัดช่างตราด รับสมัครพนักงานราชการครู จำนวน 1 อัตรา ตั้งแต่ 19 - 27 ธันวาคม 2567 28 พ.ย. 2567วิทยาลัยเทคนิคเลย รับสมัครพนักงานราชการครู จำนวน 1 อัตรา ตั้งแต่ 6 - 16 ธันวาคม 2567 28 พ.ย. 2567โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน รับสมัครครูอัตราจ้าง เงินเดือน 15,000.-บาท ตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย. - 1 ธ.ค.2567 28 พ.ย. 2567โรงเรียนภูเวียงวิทยาคม รับสมัครครูอัตราจ้าง 2 อัตรา เงินเดือน 10,500 บาท ตั้งแต่วันที่ 2-4 ธันวาคม 2567 27 พ.ย. 2567สพฐ.มีหนังสือ ด่วนที่สุด! ให้นำแนวทาง PISA มาใช้ในการประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียน และการสรรหาบุคลากร ทุกตำแหน่ง 27 พ.ย. 2567บอร์ดก.ค.ศ.เคาะร่างแนวปฏิบัติการย้ายครู ผ่านระบบ TRS เตรียมเปิดใช้งาน มกราคม 2568 27 พ.ย. 2567โรงเรียนแคมป์สนวิทยาคม รับสมัครครูอัตราจ้าง วิชาเอกภาษาจีน เงินเดือน 12,000.-บาท ตั้งแต่บัดนี้ - 1 ธันวาคม 2567 27 พ.ย. 2567ด่วนที่สุด!! ที่ ศธ 04009/ว7543 เรื่อง การจ้างผู้ปฏิบัติงานให้ราชการ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568

การพัฒนาคู่มือการบริหารเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมพัฒนาสมรรถนะคร

usericon

การพัฒนาคู่มือการบริหารเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมพัฒนาสมรรถนะครู ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอบายมุขสู่ความสำเร็จ เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา
โรงเรียนบ้านเขวาตะคลอง ปีการศึกษา 2560 (ภายใต้โครงการสถานศึกษาสีขาว)

The development of a manual, developed and engaged Solution to the drug and pornographic to success to enhance the quality of education. Bankhwaotakhlong School, 2017 academic year (under White school program)

นาค โพลาลัย
Mr.Nak Polalai

บทคัดย่อ
    การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาทัศนคติของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและภาคีเครือข่ายต่อการบริหารเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมพัฒนาสมรรถนะครูในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอบายมุข สู่ความสำเร็จ เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา โรงเรียนบ้านเขวาตะคลอง ปีการศึกษา 2560 (ภายใต้โครงการสถานศึกษาสีขาว) เพื่อเปรียบเทียบความพึงพอใจของครูต่อการปฏิบัติงานจากการใช้คู่มือการบริหาร เชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมพัฒนาสมรรถนะครูในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอบายมุข สู่ความสำเร็จ เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา โรงเรียนบ้านเขวาตะคลอง ปีการศึกษา 2560 (ภายใต้โครงการสถานศึกษา สีขาว) ก่อน-หลังการใช้คู่มือ เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียนต่อผลลัพธ์และความสำเร็จในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอบายมุขสู่ความสำเร็จ เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาโรงเรียนบ้านเขวาตะคลอง ปีการศึกษา 2560 (ภายใต้โครงการสถานศึกษาสีขาว) และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้ปกครองต่อการพัฒนาคู่มือการบริหารเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมพัฒนาสมรรถนะครูในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอบายมุขสู่ความสำเร็จเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาโรงเรียนบ้านเขวาตะคลอง ปีการศึกษา 2560 (ภายใต้โครงการสถานศึกษาสีขาว)
    ประชากรที่ใช้ในการศึกษา ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ คณะกรรมการสถานศึกษา ขั้นพื้นฐาน จำนวน 9 คน ภาคีเครือข่าย จำนวน 9 คน ครู จำนวน 15 คน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1- 3 จำนวน 33 คน และผู้ปกครองนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1- 3 (ตัวแทนภาคชุมชน) จำนวน 33 คน โรงเรียน บ้านเขวาตะคลอง ตำบลทุ่งทอง อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด สำนักนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ด เขต 2 โดยวิธีการคัดเลือกแบบเจาะจง รวมประชากร 99 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา คือ 1) แบบสอบถามทัศนคติที่มีต่อคู่มือการบริหารเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมพัฒนาสมรรถนะครูในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอบายมุขสู่ความสำเร็จ เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาโรงเรียนบ้านเขวาตะคลอง ปีการศึกษา 2560 (ภายใต้โครงการสถานศึกษาสีขาว) 2) แบบสอบถามความพึงพอใจของครูต่อการปฏิบัติจากการใช้คู่มือการบริหารเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมพัฒนาสมรรถนะครูในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอบายมุขสู่ความสำเร็จ เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาโรงเรียนบ้านเขวาตะคลอง ปีการศึกษา 2560 (ภายใต้โครงการสถานศึกษาสีขาว) 3) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนต่อผลลัพธ์และความสำเร็จในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอบายมุขสู่ความสำเร็จ เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาโรงเรียนบ้านเขวาตะคลอง ปีการศึกษา 2560 (ภายใต้โครงการสถานศึกษาสีขาว) 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของผู้ปกครองที่มีต่อคู่มือการบริหารเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมพัฒนาสมรรถนะครูในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอบายมุขสู่ความสำเร็จ เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาโรงเรียนบ้านเขวาตะคลอง ปีการศึกษา 2560 (ภายใต้โครงการสถานศึกษาสีขาว) สถิติที่ใช้ในวิจัย การหาความเชื่อมั่นของแบบสอบถาม โดยวิธีหาค่าความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา (IOC) หาค่าสัมประสิทธิ์แอลฟ่า(Alpha Coefficient) ตามวิธีครอนบาค (Cronbach) สถิติค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) และการทดสอบค่าที (T-test dependent) การเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่างหนึ่งกลุ่ม
    ผลการวิจัยพบว่า
    1. ผลการประเมินทัศนคติของกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและภาคีเครือข่ายต่อการบริหารเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมพัฒนาสมรรถนะครูในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอบายมุขสู่ความสำเร็จ เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา โรงเรียนบ้านเขวาตะคลอง ปีการศึกษา 2560 (ภายใต้โครงการสถานศึกษาสีขาว) พบว่า ทัศนคติและการรับรู้ของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและภาคีเครือข่ายต่อการพัฒนาคู่มือ
การบริหารเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมพัฒนาสมรรถนะครูในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอบายมุขสู่ความสำเร็จ เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา โรงเรียนบ้านเขวาตะคลอง ปีการศึกษา 2560 (ภายใต้โครงการสถานศึกษาสีขาว) ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย ( ) เท่ากับ 4.75 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 0.35 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ทุกด้านมีทัศนคติและการรับรู้อยู่ในระดับมากที่สุด เป็นไปตามสมมติฐานข้อ 1
    2. ผลการเปรียบเทียบความพึงพอใจของครูต่อการปฏิบัติงานจากการใช้คู่มือการบริหารเชิงปฏิบัติการ แบบมีส่วนร่วมพัฒนาสมรรถนะครูในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอบายมุขสู่ความสำเร็จ เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา โรงเรียนบ้านเขวาตะคลอง ปีการศึกษา 2560 (ภายใต้โครงการสถานศึกษาสีขาว) พบว่า
ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย ก่อนใช้คู่มือเท่ากับ 4.66 และมีค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 0.37 ค่าเฉลี่ย หลังใช้คู่มือเท่ากับ 5.00 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 0.00 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ทุกด้านมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด และเมื่อเปรียบเทียบผลต่างระหว่างคะแนนก่อนและหลังการใช้คู่มือ โดยใช้ t- test พบว่า หลังจากครูได้ใช้คู่มือการบริหารเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมพัฒนาสมรรถนะครูในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอบายมุขสู่ความสำเร็จ เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา โรงเรียนบ้านเขวาตะคลอง ปีการศึกษา 2560 (ภายใต้โครงการสถานศึกษาสีขาว) เกิดความพึงพอใจต่อการปฏิบัติงานสูงกว่าก่อนการใช้คู่มืออย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 นั่นแสดงว่า คู่มือการบริหารเชิงปฏิบัติการ แบบมีส่วนร่วมพัฒนาสมรรถนะครูในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอบายมุขสู่ความสำเร็จ เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา โรงเรียนบ้านเขวาตะคลองปีการศึกษา 2560 (ภายใต้โครงการสถานศึกษาสีขาว) เป็นเครื่องมือ
ที่ทำให้ครูเกิดความพึงพอใจและมุ่งมั่นในการปฏิบัติงานพร้อมขับเคลื่อนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอบายมุข ได้อย่างแท้จริง เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ในข้อ 2
    3. ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนต่อผลลัพธ์และความสำเร็จในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอบายมุขสู่ความสำเร็จ เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา โรงเรียนบ้านเขวาตะคลอง ปีการศึกษา 2560 (ภายใต้โครงการสถานศึกษาสีขาว) พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุดมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.86 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 0.23 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ทุกด้าน
มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด เป็นไปตามสมมติฐานข้อ 3
    4. ผลการประเมินความพึงพอใจของผู้ปกครองที่มีต่อคู่มือการบริหารเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมพัฒนาสมรรถนะครูในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอบายมุขสู่ความสำเร็จ เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาโรงเรียนบ้านเขวาตะคลอง ปีการศึกษา 2560 (ภายใต้โครงการสถานศึกษาสีขาว) พบว่า ผู้ปกครองมีความพึงพอใจในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.85 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 0.28 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ทุกด้านมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด เป็นไปตามสมมติฐานข้อ 4

คำสำคัญ การบริหารเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม , โครงการสถานศึกษาสีขาว


Abstract
    The purpose of this research To study Attitudes of basic education institution committees And network partners per The develop manual Workshop Management Participatory Develop teacher competency in drug problem solving and vices To success To increase the quality of education Bankhwaotakhlong School, Academic Year 2017 (under the White School Project)
    To compare satisfaction Of teacher per Operation From using the manual Workshop Management Participatory participation in teacher competency development In solving drug problems and vices To succeed in improving the quality of education Bankhwaotakhlong School, academic year 2017 (under the White School Project) before-after the manual
    To study satisfaction Of learners To results and success In solving drug problems and vices To success To improve the quality of education Bankhwaotakhlong School, Academic Year 2017 (under the White School Project)
    And to study satisfaction Of parents Continue manual development Workshop Management Participatory participation in teacher competency development In solving drug problems and vices To success To improve the quality of education Bankhwaotakhlong School, Academic Year 2017 (under the White School Project)
    Population used in the study is Basic Education Commission 9 people ,Network associates 9 people, Teachers 15 people ,mathayom suksa 1-3 students 33 people and Parents of mathayom suksa 1-3 students (community representatives), amount 33 people Bankhwaotakhlong School Thung Thong Subdistrict Kaset Wisai Roi-ed,The office of Roi-et Primary Educational Service Area 2. Purposive sampling method the total population and 99 people.
    Tools used to gather information. Include
    1.attitude test Towards the participatory workshop management manual TeachersCompetency Development To solve drug problems And vices To succeed in improving the quality of education Bankhwaotakhlong School year 2017. (Under the White School Project) 10 items.
    2) Teacher satisfaction questionnaire To follow the practice of using the manualWorkshop Management Participatory development Competency of teachers in drug and drug problems problem solving To success To improve the quality of education in Bankhwaotakhlong School, academic year 2017 (under the White School Project)
    3) Student satisfaction questionnaire To results and success In solving drug problems and vices To success To improve the quality of education Bankhwaotakhlong School, Academic Year 2017 (under the White School Project)
    4) Parental satisfaction test Towards the participatory workshop management manual Teachers Competency Development To solve drug problems And vices To succeed in improving the quality of education Bankhwaotakhlong School year 2017. (Under the White School Project) 10 items
Statistics used in research Index of Item Objective Congruency Reliability by Cronbach's Alpha Coefficient ,Percentage ,mean and standard deviation: SD and Compare means paired samples T-test
The results showed that
    1. Attitude evaluation results of Basic Education Commission And network partners per The development manual Practical management Participatory development of teacher competency In solving drug problems and vices To success To improve the quality of education Bankhwaotakhlong School, Academic Year 2017 (under the White School Project) Overall, the highest level. With an average of () equal to 4.75 The standard deviation (S.D.) is 0.35. Considering each side Found that Every aspect had the highest level of attitude and perception. According to the hypothesis 1
    2. Satisfaction comparison results Of teacher To the operation from using the manual Workshop Management Participatory participation in teacher competency development In solving drug problems and vices To success To improve the quality of education Bankhwaotakhlong School, Academic Year 2017 (under the White School Project) Found that, overall, were at the highest level. Average Before using the manual is equal to 4.66 And has the standard deviation (S.D.) equal to 0.37 The mean value after using the guide was 5.00. The standard deviation (S.D.) was 0.00. When considering in each aspect Found that all aspects were satisfied at the highest level And when comparing differences Between scores before and after using the guide Using t-test Found that After the teacher used the operational management manual Participatory development in teacher competency in drug and drug problem solving To success To improve the quality of education Bankhwaotakhlong School, Academic Year 2017 (under the White School Project) The High Performance Than before using the guide with statistical significance at the level of .05 That means Workshop Management Guide Participatory development in teacher competency in drug and drug problem solving To success To improve the quality of education Bankhwaotakhlong School, Academic Year 2017 (under the White School Project) Is a tool that makes teachers Satisfied and committed In operations ready to drive In solving drug problems and vices Literally Based on the assumptions set out in Article 2.
    3. Satisfaction assessment results Of students To results and success In solving drug problems and vices To success To improve the quality of drug problems and vices To success To improve the quality of education Bankhwaotakhlong School, Academic Year 2017 (under the White School Project) Found that students are satisfied In overall, it was at the highest level. With an average of 4.86 The standard deviation (S.D.) is 0.23. When considering in each aspect Found that all aspects The satisfaction was at the highest level. According to hypothesis 3
    4.Satisfaction assessment results Of parents That has towards the operational management manual Participatory development in teacher competency in drug and drug problem solving To success To improve the quality of education Bankhwaotakhlong School, Academic Year 2017 (under the White School Project) Found that the parents are satisfied In the overall level, the highest level was 4.85, the standard deviation (S.D.) was 0.28. When considering in each aspect Found that all aspects were satisfied at the highest level According to hypothesis 4

Keywords: Participatory Action Research, The White School Project

















บทนำ
    พระราชบัญญัติการศึกษาในแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 – 2579 ได้กำหนดกรอบแนวคิดโดยมีวิสัยทัศน์ “คนไทยทุกคนได้รับการศึกษาและเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ ดำรงชีวิตอย่างเป็นสุขสอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และการเปลี่ยนแปลงของโลกศตวรรษที่ 21” มี 6 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1) การจัดการศึกษาเพื่อความมั่นคงของสังคมและประเทศชาติ 2) การผลิตและพัฒนากำลัง การวิจัยและนวัตกรรมเพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ 3) การพัฒนาศักยภาพคนทุกช่วงและการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ 4) การสร้างโอกาสความเสมอภาพและความเท่าเทียมทางการศึกษา 5) การจัดการศึกษาเพื่อสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และ 6) การพัฒนาประสิทธิภาพระบบบริหารการจัดการศึกษามีเป้าหมาย คือการเข้าถึงการศึกษา (Access) ความเท่าเทียม (Equity) คุณภาพ (Quality) ประสิทธิภาพ (Efficiency) และตอบโจทย์บริบทที่เปลี่ยนแปลง (Relevancy) โดยยุทธศาสตร์ที่ 1 การจัดการศึกษาเพื่อความมั่นคงของสังคมและประเทศชาติ เป้าหมายที่ 3 คนทุกช่วงวัยได้รับการศึกษาและดูแลป้องกันภัยคุกคามในชีวิตรูปแบบใหม่ และมีแนวทางในการพัฒนาพัฒนาการจัดการศึกษาเพื่อจัดระบบการดูแลและป้องกันภัยคุกคามในรูปใหม่อาทิยาเสพติด โรคอุบัติใหม่ภัยจากไซเบอร์ เป็นต้น โดยในยุทธศาสตร์ที่ 3 เป้าหมายที่ 1 ผู้เรียนมีทักษะและคุณลักษณะพื้นฐานของพลเมืองไทยและทักษะคุณลักษณะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 เป้าหมายที่ 2 คนทุกช่วงวัยมีทักษะความรู้ความสามารถและสมรรถนะตามมาตรฐานการศึกษาและมาตรฐานวิชาชีพ และพัฒนาคุณภาพชีวิตได้ตามศักยภาพเป้าหมายที่ 3 สถานศึกษาทุกระดับการศึกษาสามารถจัดกิจกรรม/กระบวนการเรียนรู้ตามหลักสูตรอย่างมีคุณภาพและมาตรฐาน เป้าหมาย ที่ 4 แหล่งเรียนรู้ สื่อดำราเรียน นวัตกรรม และสื่อการเรียนรู้มีคุณภาพและมาตรฐาน และประชาชนสามารถเข้าถึงได้โดยไม่จำกัดเวลาและสถานที่ (สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา, 2560 : 24-25) กอปรกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560-2564) การพัฒนาประเทศในระยะของต่อไปเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาประเทศโดยยึดคนเป็นศูนย์กลางการพัฒนา มุ่งสร้างคุณภาพชีวิตและสุขภาวะที่ดีสำหรับคนไทย พัฒนาคนให้มีความสำคัญโดยยึดคนเป็นศูนย์กลางการพัฒนา มุ่งสร้างคุณภาพชีวิตและสุขภาวะที่ดีสำหรับคนไทย พัฒนาคนให้มีความเป็นคนที่สมบูรณ์มีวินัย ใฝ่รู้มีความรู้ มีทักษะ มีความคิดสร้างสรรค์ มีทัศนคติที่ดี รับผิดชอบต่อสังคมมีจริยธรรมและคุณธรรม พัฒนาคนทุกช่วงวัยและเตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างมีคุณภาพ
    ในการกำหนดทิศทางด้านคุณภาพการศึกษาที่กล่าวมา เป็นเป้าหมายการศึกษาระดับนโยบายของชาติ ที่หน่วยงานในระดับจังหวัดมากำหนดเป็นเป้าหมายของการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในระดับพื้นที่ โดยสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดร้อยเอ็ด จัดทำแผนพัฒนาการศึกษาธิการจังหวัดร้อยเอ็ดระยะเวลา 5 ปี (พ.ศ.2560-2564 ได้กำหนดวิสัยทัศน์การพัฒนาการศึกษาจังหวัดร้อยเอ็ด “ภายในปี 2564 ประชากรผู้รับบริการทั้งในระบบ นอกระบบและตามอัธยาศัย ได้รับการพัฒนาอย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ ครูและบุคลากรมีความเป็นมืออาชีพ สามารถใช้เทคโนโลยีในการเรียนรู้และทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมตามหลัก ธรรมาภิบาล” พันธกิจ 1) สนับสนุนประชากรผู้รับบริการในระบบ นอกระบบและตามอัธยาศัย ให้ได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึงและต่อเนื่องตลอดชีวิต 2) พัฒนาให้ผู้รับบริการทั้ง 3 ระบบมีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาชาติ 3) พัฒนาครูและบุคลากรให้มีความเป็นมืออาชีพสู่สากล 4) ส่งเสริมผู้เรียนทุกวัยสามารถใช้เทคโนโลยีในการเรียนรู้อย่างเหมาะสม 5) ส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาตามหลักธรรมาภิบาล ประเด็นยุทธศาสตร์ 1) สนับสนุนประชากรผู้รับบริการทั้ง 3 ระบบให้ได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึงต่อเนื่องตลอดชีวิต 2) เร่งรัดให้ผู้รับบริการทั้ง 3 ระบบมีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาชาติ 3) พัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีความเป็นมืออาชีพสู่สากล 4) ส่งเสริมผู้เรียนทุกวัยสามารถใช้เทคโนโลยีในการเรียนรู้อย่างเหมาะสม 5) ส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาตามหลักธรรมาภิบาล เป้าประสงค์ 1) เพื่อสนับสนุนประชากรผู้รับบริการทั้ง 3 ระบบมีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาชาติ 2) เพื่อพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีความเป็นมืออาชีพสู่สากล 3) เพื่อส่งเสริมผู้เรียนทุกวัยสามารถใช้เทคโนโลยีในการเรียนรู้อย่างเหมาะสม 4) เพื่อส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาตามหลักธรรมาภิบาล และทิศทางการจัดการศึกษาสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ด เขต 2 ปีงบประมาณ พ.ศ.2561 วิสัยทัศน์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ด เขต 2 เป็นองค์กรชั้นนำ ส่งเสริมสนับสนุนและบริหารจัดการศึกษาสู่ความเป็นเลิศทางวิชาการ วิชาชีพและวิชาประคองชีพ ตามมาตรฐานสากลบนพื้นฐานความเป็นไทย พันธกิจ 1) ส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชากรในวัยเรียนได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึง มีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานและมาตรฐานสากลบนพื้นฐานของความเป็นไทย 2) ปลูกฝังให้ผู้เรียนมีทัศนคติที่ดีต่อวิชาชีพมีความรู้และทักษะทางวิชาชีพเบื้องต้นตามความถนัดและความสนใจของผู้เรียน 3) ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีทักษะชีวิต มีคุณธรรม จริยธรรม มีคุณภาพลักษณะอันพึงประสงค์ตามหลักสูตรและค่านิยมหลัก 12 ประการ 4) พัฒนาระบบบริหารจัดการศึกษา ด้วยระบบบริหารจัดการที่ทันสมัยตามหลักธรรมาภิบาล เป้าประสงค์ 1) นักเรียนระดับก่อนประถมศึกษา มีพัฒนาการที่เหมาะสมตามวัยและนักเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ทุกคนมีพัฒนาการเหมาะสมตามช่วงวัยอย่างมีคุณภาพ 2) ประชากรวัยเรียนทุกคนได้รับโอกาสในการเรียนรู้ตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างทั่วถึง ด้วยความเสมอภาคอย่างมีคุณภาพ 3) ผู้เรียนมีความรู้ทักษะ และทัศนคติที่ดีต่อวิชาชีพ 4) ผู้เรียนมีทักษะชีวิต มีคุณธรรม จริยธรรม มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามหลักสูตรและค่านิยมหลัก 12 ประการ 5) ผู้เรียนมีทักษะในการใช้เทคโนโลยี การสื่อสารภาษาไทยและภาษาต่างประเทศมีความสามารถในการแข่งขัน 6) ครูและบุคลากรทางการศึกษามีความรู้ความสามารถและทักษะที่เหมาะสมตามสมรรถนะสามารถปฏิบัติงานตามมาตรฐานวิชาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพ 7) สถานศึกษามีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และเป็น กลไกลขับเคลื่อนการศึกษาขั้นพื้นฐานสู่คุณภาพมาตรฐานระดับสากล 8) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา บูรณาการทำงาน เน้นการบริหารแบบมีส่วนร่วมตามหลักธรรมาภิบาลให้บริการสถานศึกษาด้วยระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย
    ยาเสพติดและอบายมุขเป็นปัญหา ที่รุนแรงต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของคนไทยในวัยเรียน รัฐบาลได้กำหนดนโยบายการป้องการและแก้ไขปัญหายาเสพติด โดย คณะรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2557 กำหนดให้ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาเฉพาะหน้าที่ต้องได้รับการป้องกันและแก้ไขโดยการบังคับใช้ กฎหมายที่เข้มงวดและจัดการกับปัญหาอื่น ๆ ที่เชื่อมโยงต่อเนื่องให้เบ็ดเสร็จและได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 156/2557 ลงวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เรื่องจัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและ ปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ และคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ได้มีมติ เห็นชอบแผนยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด พ.ศ.2558-2562 แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อปัญหายาเสพติด ซึ่งแนวโน้มสถานการณ์ปัญหายาเสพติดในปี 2559 ยังคงมีความรุนแรงถึงแม้รัฐจะมีการปราบปรามอย่างจริงจังแต่การผลิตยังคงสามารถผลิตได้ไม่จำกัดดังข้อสถานการณ์ปัญหายาเสพติดในปี 2558 ที่ยังคงมีความรุนแรงและยังคงมีการจับกุมยาเสพ ติดได้ในปริมาณที่มากโดยเฉพาะอย่างยิ่งยาบ้า และจากเอกสารแนบท้ายคำสั่ง ศอ.ปส ที่ 8/2558 เรื่องแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดปี 2559 จะบ่งชี้ให้เห็นถึงสถานการณ์แนวโน้ม ความรุนแรงของปัญหายาเสพติดที่ยังมีอยู่แต่รัฐก็ได้วางแนวทางในการป้องกันและแก้ปัญหาไว้อย่างรอบด้านทั้งการแก้ปัญหาในระดับภายในและความร่วมมือในระดับภูมิภาคจากรายงานฉบับเดียวกันนี้ ยังคงชี้ให้เห็นว่าปัญหายาเสพติดได้แพร่ระบาด เข้ามายังกลุ่มนักเรียนนักศึกษามากขึ้นโดยเกือบร้อยละ 50 ของผู้บำบัดรักษาเป็นเยาวชนที่มีอายุระหว่าง 15-24 ปี และยังพบกลุ่มที่มีอายุน้อยกว่า 15 ปี อีกจำนวนหนึ่งอีกด้วย และกรอบแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดปี 2559 แผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดปี 2559 ประกอบด้วย 4 แผน คือ แผนป้องกันยาเสพติด แผนบำบัดรักษายาเสพติด แผนปราบปรามยาเสพติด และแผนบริหารจัดการอย่างบูรณการ แผนป้องกันยาเสพติด เป้าหมายแผน สร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันยาเสพติดให้กับเด็กและเยาวชน ทั้งในและนอกสถานศึกษา กลุ่มผู้ใช้แรงงานและประชาชนทั่วไป แผนการป้องกันยาเสพติด มี 6 แผน โดยมีแผนที่เกี่ยวข้องกับเด็กในวัยเรียนดังนี้ 1) แผนงานสร้างภูมิคุ้มกันในเด็กปฐมวัย โดยมีแนวทางคือสร้างพื้นฐานภูมิคุ้มกัน ยาเสพติดในเด็กปฐมวัย โดยใช้แนวคิดทฤษฏีความสามารถของสมองในการบริหารจัดการชีวิต (Executive Function หรือ EF) โดยจะสร้างความเข้าใจในทฤษฏีผ่านครูโรงเรียนอนุบาลและครู ผู้ดูแลเด็กในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทั่วประเทศ มีโครงการต่างๆดังเช่น โครงการพัฒนาสื่อการเรียนรู้ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในเด็กปฐมวัย โครงการพัฒนาบุคลากรเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในเด็กปฐมวัย และ โครงการติดตาม ประเมินผลการสร้างภูมิคุ้มกันในเด็กปฐมวัย 2) แผนสร้างภูมิคุ้มกันในสถานศึกษาโดยมีแนวทางที่แตกต่างกันในเด็กแต่ละกลุ่ม สำหรับแนวทางในกลุ่มมัธยมศึกษา ขยายโอกาส มีดังนี้ 2.1) สร้างภูมิคุ้มกันให้แก่นักเรียนในระดับมัธยมศึกษา ขยายโอกาสผ่าน กิจกรรมลูกเสือในโรงเรียน 2.2) สร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจ โดยใช้กิจกรรมทางศาสนา ได้แก่ ค่ายศาสนธรรม ทั้งศาสนาพุทธและศาสนาอื่น ๆ ที่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย 2.3) พัฒนาแนวทางการจัดการเรียนการสอน เพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิต โดยจัดทำคู่มือ ค่ายทักษะชีวิตเพื่อการปูองกันยาเสพติดให้แก่โรงเรียนในระดับมัธยมศึกษา 2.4) ส่งเสริม สนับสนุนให้สถานศึกษากำหนดบทบาทและสร้างความเข้มแข็ง ให้กับกลไก เครือข่ายแกนนำเยาวชน ครู ในโรงเรียนให้มีความต่อเนื่องจริงจัง 2.5) ส่งเสริม สนับสนุนให้สถานศึกษาเป้าหมายทุกแห่ง ขับเคลื่อนโครงการ TO BE NUMBER ONE ในสถานศึกษา 2.6) ดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา โดยเน้นการสำรวจคัด กรองนักเรียน และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยรูปแบบที่เหมาะสม 3) แผนบำบัดรักษายาเสพติด 10 เป้าหมายนำผู้เสพติดยาเสพติดเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาทุกระบบ จำนวน 220,000 คน ติดตามดูแลช่วยเหลือผู้ผ่านการบำบัดรักษา จำนวน 235,000 คน ประกอบด้วย 6 แผนงานดังนี้ 3.1) แผนงานบำบัดรักษาระบบสมัครใจ 3.2) แผนงานบำบัดรักษาระบบบังคับบำบัด 3.3) แผนงานบำบัดรักษาในระบบต้องโทษ 3.4) แผนงานบริหารจัดการระบบการบำบัดรักษา 3.5) แผนงานติดตามผู้ผ่านการบำบัดรักษาและ 3.6) แผนงานช่วยเหลือผู้ผ่านการบำบัดรักษายาเสพติด 4) แผนการปราบปรามยาเสพติด โดยมีเป้าหมายทำลายการค้ายาเสพติดทั้งในและนอกประเทศ ตลอดจน เสริมสร้าง พัฒนาและยกระดับความร่วมมือในการแก้ไขปัญหายาเสพติดระหว่างประเทศ ประกอบด้วย 4 แผนงานดังนี้ 4.1) แผนงานสกัดกั้นยาเสพติด 4.2) แผนงานปราบปรามยาเสพติด 4.3) แผนงานควบคุมพืชเสพติด และ 4.4) แผนงานความร่วมมือระหว่างประเทศ 5) แผนบริหารจัดการอย่างบูรณาการ โดยมีเป้าหมายดังนี้ กลไกระดับนโยบาย และกลไกภายใต้ ศอ.ปส.มีระบบ บริหารจัดการ อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างมีเอกภาพสามารถนำนโยบายไปสู่ การปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะเห็นได้ว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหายาเสพติดเป็นอย่างมากโดยได้มีการ จัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติขึ้นมีการจัดทำแผนที่มีเป้าหมายชัดเจนเพื่อต้องการให้ปัญหายาเสพติดนั้นหมด
ไปจากประเทศไทย ซึ่งสอดคล้องกับกระทรวง ศึกษาธิการ (2560) กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดมาตรการป้องกันเด็กและ เยาวชนก่อนวัยเสี่ยงและในวัยเสี่ยงไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เรียนรู้ถึงโทษและพิษภัยของยาเสพติด รู้จักวิธีปฏิเสธหลีกเลี่ยงยาเสพติดและใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์เพื่อหลีกเลี่ยงการหมกมุ่นมั่วสุมกับยาเสพติดและอบายมุข ตลอดจนดูแลช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษาที่ไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จึงได้กำหนดนโยบายให้ผู้บริหารองค์กรหลัก หน่วยงานและสถานศึกษาดำเนินการโครงการสถานศึกษา สีขาวปลอดยาเสพติดและอบายมุข ดังนี้ 1) ผู้บริหารทุกระดับนำนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดไปสู่การปฏิบัติ จัดทำแผนปฏิบัติการครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายและการมีส่วนร่วมของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในและนอกสถานศึกษา 2) ผู้บริหารทุกระดับ ครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ต้องให้ความสำคัญและมี จิตสำนึกร่วมกันที่จะปกป้องคุ้มครองดูแลช่วยเหลือนักเรียนไม่ให้ไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ให้ความร่วมมือและร่วมแรงร่วมใจ จัดกิจกรรมทั้งในหลักสูตรและกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 3) ผู้บริหารสถานศึกษาส่งเสริม สนับสนุนจัดกิจกรรมป้องกันและเฝ้าระวังยาเสพติดในสถานศึกษาเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการสอน เช่น กิจกรรม TO BE NUMBER ONE กิจกรรมเชิง สร้างสรรค์ต่าง ๆ ค่ายคุณธรรม กิจกรรมลูกเสือและเนตรนารีป้องกันยาเสพติด กิจกรรมกีฬาปูองกัน ยาเสพติด ส่งเสริมการรวมกลุ่มของนักเรียน นักศึกษาทั้งในส่วนของชมรมและสภานักเรียน 4) ผู้บริหารสถานศึกษาจัดการเรียนการสอนให้ความรู้ เสริมสร้างจิตสำนึก ทักษะชีวิต ภูมิคุ้มกันต่อต้านยาเสพติดและอบายมุข จัดระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษาทุกคนให้ทั่วถึง โดยสร้างเครือข่ายแกนนำทุกระดับในสถานศึกษา 5) ผู้บริหารสถานศึกษาจัดระบบการดำเนินงานยุทธศาสตร์ 5 มาตรการ ตามโครงการ สถานศึกษาสีขาวปลอดยาเสพติดและอบายมุข คือ มาตรการป้องกัน มาตรการค้นหา มาตรการรักษา มาตรการเฝ้าระวัง มาตรการบริหารจัดการ ภายใต้กลยุทธ์ 4 ต้อง 2 ไม่ ที่กำหนดให้สถานศึกษาต้องมี ยุทธศาสตร์ ต้องมีแผนงาน ต้องมีระบบข้อมูล ต้องมีเครือข่ายไม่ปกปิดข้อมูลและไม่ไล่ออก 6) ผู้บริหารทุกระดับ อำนวยการ กำกับ ติดตามและประเมินผลการดำเนินงานและจัด มาตรการเสริมแรงให้แก่ผู้รับผิดชอบด้านยาเสพติดดีเด่น ด้วยการยกย่องชมเชย มอบโล่ เกียรติบัตร เลื่อนขั้นเงินเดือนกรณีพิเศษ มาตรการลงโทษบุคลากรที่ไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ให้ออกจากราชการ และเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ กระทรวงศึกษาธิการได้มีประกาศกระทรวงศึกษาธิการเรื่อง นโยบายการป้องกันและแก้ไข ปัญหายาเสพติด โครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุขประกาศเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2559 มีสาระสำคัญเพื่อให้ผู้บริหารองค์กรหลัก หน่วยงาน และสถานศึกษา ดำเนินการดังนี้ 1) ผู้บริหารสถานศึกษานำนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด โครงการ สถานศึกษาสีขาวปลอดยาเสพติดและอบายมุข ไปสู่การปฏิบัติให้มีแผนปฏิบัติการครอบคลุม กลุ่มเป้าหมายและการมีส่วนร่วมของคณะผู้บริหาร ครู อาจารย์ และกลุ่มเป้าหมายนักเรียน นักศึกษา ทั้งในและนอกสถานศึกษา 2) ผู้บริหารหน่วยงานและผู้บริหารสถานศึกษาส่งเสริม สนับสนุน การดำเนินงานการ ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดโครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข เพื่อสร้าง และพัฒนาระบบการดำเนินงานที่เข้มแข็งต่อเนื่องและยั่งยืน 14 เป้าหมาย สถานศึกษา 3) ผู้บริหารหน่วยงานและผู้บริหารสถานศึกษา อำนวยการ กำกับ ติดตามและประเมินผล การดำเนินงานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด โครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข และจัดทำมาตรการเสริมแรงให้แก่ผู้รับผิดชอบด้วยการยกย่อง ชมเชย มอบโล่เกียรติยศ เกียรติบัตรและการเลื่อนขั้นเงินเดือนกรณีพิเศษ 4) ผู้บริหารหน่วยงานและผู้บริหารสถานศึกษา อำนวยการ กำกับ ติดตามและประเมินผลการดำเนินงานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด โครงการสถานศึกษาสีขาวปลอดยาเสพติดและ อบายมุขและใช้มาตรการลงโทษบุคลากรที่ไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ให้ออกจากราชการและเพิกถอน ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ 5) ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ตรวจติดตามผลการดำเนินงานและผู้บริหาร หน่วยงานและผู้บริหารสถานศึกษา จัดตั้งคณะกรรมการติดตาม ประเมินผล และรายงาน ผลการ ดำเนินงานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด โครงการสถานศึกษาสีขาวปลอดยาเสพติดและอบายมุข 6) ผู้บริหารหน่วยงานและผู้บริหารสถานศึกษา สรุปรายงานต้นสังกัดเพื่อสรุปผลรายงาน ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกระทรวงศึกษาธิการ โดยการดำเนินงานโครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุขมีเป้าหมาย เพื่อให้สถานศึกษาทุกแห่งปลอดจากยาเสพติด และอบายมุข คือ ปลอดยาเสพติด ปลอดสื่อลามกอนาจาร ปลอดการพนัน ปลอดการทะเลาะวิวาท และเพื่อให้สามารถยกระดับคุณภาพการศึกษา ของผู้เรียนได้ตามมาตรฐานการศึกษาที่กำหนดไว้
    จากนโยบายด้านการศึกษา และนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดดังกล่าว โรงเรียนบ้านเขวาตะคลอง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ดเขต 2 ได้กำหนดทิศทางพัฒนาคุณภาพการศึกษาได้กำหนดวิสัยทัศน์ภายในปี 2562 มุ่งพัฒนาสู่คุณภาพควบคู่คุณธรรมนำชุมชน ประหยัดอดออม น้อมนำเศรษฐกิจพอเพียง ส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนในวัยเรียนได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึง มีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานและมาตรฐานสากลบนพื้นฐานของความเป็นไทย ปลูกฝังให้ผู้เรียนมีทัศนคติที่ดีต่อวิชาชีพ มีความรู้และทักษะทางวิชาชีพเบื้องต้นตามความถนัดและความสนใจของผู้เรียนส่งเสริมให้ผู้เรียนมีทักษะชีวิต มีคุณธรรม จริยธรรม มีคุณสมบัติอันพึงประสงค์ตามหลักสูตรและค่านิยม 12 ประการ เพื่อพัฒนาระบบการบริหารจัดการ ด้วยระบบบริหารจัดการที่ทันสมัยตามหลักธรรมาภิบาล โดยมีเป้าหมาย เพื่อให้
ร่วมแสดงความคิดเห็น
เงื่อนไข การร่วมแสดงความคิดเห็น!

ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือ ชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาแจ้งมาที่ แนะนำติชม เพื่อให้ผู้ควบคุมระบบทราบและทำการลบข้อความนั้น ออกจากระบบต่อไป

ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้

^