การพัฒนาแบบฝึกศิลปะ เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการ
ผู้ศึกษา นางภัทรนิจ เสียงดัง
ปี 2556
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อหาประสิทธิภาพของแบบฝึกศิลปะ เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระทัศนศิลป์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านกะลาพอ เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนโดยใช้แบบฝึกศิลปะ เพื่อศึกษาพฤติกรรมการคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกศิลปะ และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกศิลปะ กลุ่มตัวอย่างในการศึกษาคือ นักเรียนโรงเรียนบ้านกะลาพอ ชั้นประถมศึกษา ปีที่ 4/1 จำนวน 26 คน ปีการศึกษา 2556 เครื่องมือในการศึกษาประกอบด้วยแบบฝึกศิลปะ เพื่อส่งเสริมความคิด สร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระทัศนศิลป์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านกะลาพอ จำนวน 12 แบบฝึก แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบประเมินพฤติกรรมการคิดสร้างสรรค์ของนักเรียน และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน ซึ่งผ่านการตรวจสอบคุณภาพโดยผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหา สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติทดสอบที (t-test)
ผลการศึกษา พบว่า
1. ประสิทธิภาพของแบบฝึกศิลปะ เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระทัศนศิลป์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านกะลาพอ มีค่าประสิทธิภาพ E1/ E2 เท่ากับ 84.19 / 85.98 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้คือ 80/80
2. ผลการศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนโดยใช้แบบฝึกศิลปะ เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระทัศนศิลป์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านกะลาพอ มีคะแนนหลังเรียนของนักเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. พฤติกรรมการคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนโดยใช้แบบฝึกศิลปะเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระทัศนศิลป์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านกะลาพอ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
4. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกศิลปะเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระทัศนศิลป์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านกะลาพอ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด