รายงานการจัดประสบการณ์โดยใช้กิจกรรมการละเล่นพื้นบ้าน
ชื่อเรื่อง รายงานการจัดประสบการณ์โดยใช้กิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านเพื่อพัฒนาความพร้อม
ทั้ง 4 ด้านของเด็กปฐมวัย อายุ 4 ปี
ผู้ศึกษา นางสมบัติ นาคเพชร ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการ
ศูนย์พัฒนาเด็กบ้านอุ่มเม่า สังกัดเทศบาลตำบลเหล่าหลวง อำเภอเกษตรวิสัย
จังหวัดร้อยเอ็ด
ปีที่ศึกษา 2561
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้ จึงมีความมุ่งหมาย 1) เพื่อหาประสิทธิภาพของแผนการจัดประสบการณ์โดยใช้กิจกรรมการละเล่นพื้นบ้าน เพื่อพัฒนาความพร้อมทั้ง 4 ด้าน ของเด็กปฐมวัยตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดประสบการณ์ โดยใช้กิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านเพื่อพัฒนาความพร้อมทั้ง 4 ด้าน ของเด็กปฐมวัย อายุ 4 ปี 3) เพื่อเปรียบเทียบความพร้อมด้านร่างกาย อารมณ์-จิตใจ สังคม และสติปัญญา ของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังการจัดประสบการณ์ โดยใช้กิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านเพื่อพัฒนาความพร้อมทั้ง 4 ด้าน ของเด็กปฐมวัย อายุ 4 ปี และ 4) เพื่อศึกษาความพร้อมด้านร่างกาย อารมณ์-จิตใจ สังคม และสติปัญญาของเด็กปฐมวัยหลังการจัดประสบการณ์ โดยใช้กิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านเพื่อพัฒนาความพร้อมทั้ง 4 ด้าน ของเด็กปฐมวัย อายุ 4 ปี กลุ่มตัวอย่างเป็นเด็กปฐมวัย อายุ 4 ปี ห้องที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปการศึกษา 2561 ศูนย์พัฒนาเด็กบ้านอุ่มเม่า สังกัดเทศบาลตำบลเหล่าหลวง อำเภอเกษตรวิสัย จํานวน 20 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้มี 3 ชนิด ประกอบด้วย (1) แผนการจัดประสบการณ์การละเล่นพื้นบ้านอีสาน จำนวน 24 แผน (2) แบบประเมินความพรอมระหวางเรียนของเด็กปฐมวัยอายุ 4 ป โดยใชกิจกรรมเกมการละเลนพื้นบ้าน จํานวน 4 ฉบับ แบงตามความพรอมทั้ง 4 ดาน (3) แบบทดสอบวัดความพรอมของเด็กปฐมวัย จํานวน 20 ขอ มีค่าความยากตั้งแต่ 0.20 ถึง 0.45 ค่าอำนาจจำแนกรายข้อ ตั้งแต่ 0.20 ถึง 0.79 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.91 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ใช้ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ร้อยละ และทดสอบสมมุติฐานใช้สถิติของ วิลคอกซอน (The Wilcoxon Matched Pairs Signed-Ranks Test)
ผลการศึกษา ปรากฏ ดังนี้
1. ประสิทธิภาพของแผนการจัดประสบการณ์โดยใช้กิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านเพื่อพัฒนาความพร้อมทั้ง 4 ด้าน มีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.58/86.25 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้
2. ดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดประสบการณ์ โดยใช้กิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านเพื่อพัฒนาความพร้อมทั้ง 4 ด้าน เท่ากับ 0.7237 หมายความว่า นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นหลังจากได้รับการจัดประสบการณ์ โดยใช้กิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านเพื่อพัฒนาความพร้อมทั้ง 4 ด้าน ร้อยละ 72.37
3. เด็กปฐมวัย อายุ 4 ปี ที่ได้รับการจัดประสบการณ์โดยใช้แผนการจัดประสบการณ์ โดยใช้กิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านเพื่อพัฒนาความพร้อมทั้ง 4 ด้าน โดยจำแนกเป็นรายด้าน ทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ ด้านร่างกาย ด้านอารมณ์-จิตใจ ด้านสังคม และด้านสติปัญญา ก่อนการทดลองและหลังการทดลอง แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยเด็กปฐมวัย อายุ 4 ปี มีความพร้อมด้านร่างกาย ด้านอารมณ์-จิตใจ ด้านสังคมและด้านสติปัญญาหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
4. ผลการพัฒนาความพร้อมทั้ง 4 ด้าน ของเด็กปฐมวัย อายุ 4 ปี ด้วยการจัดประสบการณ์โดยใช้กิจกรรมการละเล่นพื้นบ้าน พบวา หลังการจัดประสบการณ์ โดยใช้กิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านเพื่อพัฒนาความพร้อมทั้ง 4 ด้าน ของเด็กปฐมวัย อายุ 4 ปีได้เหมาะสมกับวัยของตัวเอง
ทั้ง 4 ด้านของเด็กปฐมวัย อายุ 4 ปี
ผู้ศึกษา นางสมบัติ นาคเพชร ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการ
ศูนย์พัฒนาเด็กบ้านอุ่มเม่า สังกัดเทศบาลตำบลเหล่าหลวง อำเภอเกษตรวิสัย
จังหวัดร้อยเอ็ด
ปีที่ศึกษา 2561
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้ จึงมีความมุ่งหมาย 1) เพื่อหาประสิทธิภาพของแผนการจัดประสบการณ์โดยใช้กิจกรรมการละเล่นพื้นบ้าน เพื่อพัฒนาความพร้อมทั้ง 4 ด้าน ของเด็กปฐมวัยตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดประสบการณ์ โดยใช้กิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านเพื่อพัฒนาความพร้อมทั้ง 4 ด้าน ของเด็กปฐมวัย อายุ 4 ปี 3) เพื่อเปรียบเทียบความพร้อมด้านร่างกาย อารมณ์-จิตใจ สังคม และสติปัญญา ของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังการจัดประสบการณ์ โดยใช้กิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านเพื่อพัฒนาความพร้อมทั้ง 4 ด้าน ของเด็กปฐมวัย อายุ 4 ปี และ 4) เพื่อศึกษาความพร้อมด้านร่างกาย อารมณ์-จิตใจ สังคม และสติปัญญาของเด็กปฐมวัยหลังการจัดประสบการณ์ โดยใช้กิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านเพื่อพัฒนาความพร้อมทั้ง 4 ด้าน ของเด็กปฐมวัย อายุ 4 ปี กลุ่มตัวอย่างเป็นเด็กปฐมวัย อายุ 4 ปี ห้องที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปการศึกษา 2561 ศูนย์พัฒนาเด็กบ้านอุ่มเม่า สังกัดเทศบาลตำบลเหล่าหลวง อำเภอเกษตรวิสัย จํานวน 20 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้มี 3 ชนิด ประกอบด้วย (1) แผนการจัดประสบการณ์การละเล่นพื้นบ้านอีสาน จำนวน 24 แผน (2) แบบประเมินความพรอมระหวางเรียนของเด็กปฐมวัยอายุ 4 ป โดยใชกิจกรรมเกมการละเลนพื้นบ้าน จํานวน 4 ฉบับ แบงตามความพรอมทั้ง 4 ดาน (3) แบบทดสอบวัดความพรอมของเด็กปฐมวัย จํานวน 20 ขอ มีค่าความยากตั้งแต่ 0.20 ถึง 0.45 ค่าอำนาจจำแนกรายข้อ ตั้งแต่ 0.20 ถึง 0.79 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.91 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ใช้ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ร้อยละ และทดสอบสมมุติฐานใช้สถิติของ วิลคอกซอน (The Wilcoxon Matched Pairs Signed-Ranks Test)
ผลการศึกษา ปรากฏ ดังนี้
1. ประสิทธิภาพของแผนการจัดประสบการณ์โดยใช้กิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านเพื่อพัฒนาความพร้อมทั้ง 4 ด้าน มีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.58/86.25 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้
2. ดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดประสบการณ์ โดยใช้กิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านเพื่อพัฒนาความพร้อมทั้ง 4 ด้าน เท่ากับ 0.7237 หมายความว่า นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นหลังจากได้รับการจัดประสบการณ์ โดยใช้กิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านเพื่อพัฒนาความพร้อมทั้ง 4 ด้าน ร้อยละ 72.37
3. เด็กปฐมวัย อายุ 4 ปี ที่ได้รับการจัดประสบการณ์โดยใช้แผนการจัดประสบการณ์ โดยใช้กิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านเพื่อพัฒนาความพร้อมทั้ง 4 ด้าน โดยจำแนกเป็นรายด้าน ทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ ด้านร่างกาย ด้านอารมณ์-จิตใจ ด้านสังคม และด้านสติปัญญา ก่อนการทดลองและหลังการทดลอง แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยเด็กปฐมวัย อายุ 4 ปี มีความพร้อมด้านร่างกาย ด้านอารมณ์-จิตใจ ด้านสังคมและด้านสติปัญญาหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
4. ผลการพัฒนาความพร้อมทั้ง 4 ด้าน ของเด็กปฐมวัย อายุ 4 ปี ด้วยการจัดประสบการณ์โดยใช้กิจกรรมการละเล่นพื้นบ้าน พบวา หลังการจัดประสบการณ์ โดยใช้กิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านเพื่อพัฒนาความพร้อมทั้ง 4 ด้าน ของเด็กปฐมวัย อายุ 4 ปีได้เหมาะสมกับวัยของตัวเอง