การศึกษาความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผล
บทคัดย่อ
ชื่อเรื่อง การศึกษาความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการบริหารงาน วิชาการของโรงเรียนในกลุ่มโรงเรียนแม่วงก์เขาชนกัน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่
การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 2
ผู้วิจัย นางสาวรังสินันท์ จุ้ยดอนกลอย
ปีที่วิจัย 2561
การวิจัยเรื่อง การศึกษาความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผล
การบริหารงานวิชาการของโรงเรียนในกลุ่มโรงเรียนแม่วงก์เขาชนกัน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 2 มีวัตถุประสงค์คือ (1) เพื่อศึกษาระดับของปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนในกลุ่มโรงเรียนแม่วงก์เขาชนกัน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 2 และ (2) เพื่อการศึกษาความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ และอิทธิพลของปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนในกลุ่มโรงเรียน แม่วงก์เขาชนกัน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ ครูและผู้บริหารโรงเรียนในกลุ่มโรงเรียนแม่วงก์เขาชนกัน จำนวน 82 คน โดยการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา เป็นแบบสอบถามประเภทมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ถดถอยเชิงพหุ (Multiple Regression)
ผลการวิจัยพบว่า (1) ระดับของปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนในกลุ่มโรงเรียนแม่วงก์เขาชนกัน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 2 มี 5 ปัจจัย และทุกปัจจัยอยู่ในระดับมากตามลำดับคือ ปัจจัยด้านผู้บริหาร ( = 4.25) ปัจจัยด้านครูผู้สอน ( = 4.06) ปัจจัยด้านอาคารสถานที่และสิ่งแวดล้อม ( = 3.96) ปัจจัยด้านงบประมาณและวัสดุอุปกรณ์ ( = 3.68) และปัจจัยด้านชุมชนและผู้ปกครอง ( = 3.83) และประสิทธิผลการบริหารงานวิชาการในภาพรวม อยู่ในระดับมาก ( = 3.95) และ (2) ปัจจัย ที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนในกลุ่มโรงเรียนแม่วงก์เขาชนกัน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครสวรรค์ เขต 2 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ได้แก่ ปัจจัยด้านผู้บริหาร (ß = 0.614) ปัจจัยด้านครูผู้สอน (ß = 0.158) และปัจจัยด้านชุมชนและผู้ปกครอง (ß = 0.156) และทั้งสามปัจจัยสามารถทำนายประสิทธิผลการบริหารงานวิชาการได้ร้อยละ 72 (R2 = 0.720)
ชื่อเรื่อง การศึกษาความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการบริหารงาน วิชาการของโรงเรียนในกลุ่มโรงเรียนแม่วงก์เขาชนกัน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่
การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 2
ผู้วิจัย นางสาวรังสินันท์ จุ้ยดอนกลอย
ปีที่วิจัย 2561
การวิจัยเรื่อง การศึกษาความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผล
การบริหารงานวิชาการของโรงเรียนในกลุ่มโรงเรียนแม่วงก์เขาชนกัน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 2 มีวัตถุประสงค์คือ (1) เพื่อศึกษาระดับของปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนในกลุ่มโรงเรียนแม่วงก์เขาชนกัน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 2 และ (2) เพื่อการศึกษาความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ และอิทธิพลของปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนในกลุ่มโรงเรียน แม่วงก์เขาชนกัน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ ครูและผู้บริหารโรงเรียนในกลุ่มโรงเรียนแม่วงก์เขาชนกัน จำนวน 82 คน โดยการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา เป็นแบบสอบถามประเภทมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ถดถอยเชิงพหุ (Multiple Regression)
ผลการวิจัยพบว่า (1) ระดับของปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนในกลุ่มโรงเรียนแม่วงก์เขาชนกัน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 2 มี 5 ปัจจัย และทุกปัจจัยอยู่ในระดับมากตามลำดับคือ ปัจจัยด้านผู้บริหาร ( = 4.25) ปัจจัยด้านครูผู้สอน ( = 4.06) ปัจจัยด้านอาคารสถานที่และสิ่งแวดล้อม ( = 3.96) ปัจจัยด้านงบประมาณและวัสดุอุปกรณ์ ( = 3.68) และปัจจัยด้านชุมชนและผู้ปกครอง ( = 3.83) และประสิทธิผลการบริหารงานวิชาการในภาพรวม อยู่ในระดับมาก ( = 3.95) และ (2) ปัจจัย ที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนในกลุ่มโรงเรียนแม่วงก์เขาชนกัน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครสวรรค์ เขต 2 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ได้แก่ ปัจจัยด้านผู้บริหาร (ß = 0.614) ปัจจัยด้านครูผู้สอน (ß = 0.158) และปัจจัยด้านชุมชนและผู้ปกครอง (ß = 0.156) และทั้งสามปัจจัยสามารถทำนายประสิทธิผลการบริหารงานวิชาการได้ร้อยละ 72 (R2 = 0.720)