การพัฒนาการจัดกิจกรรมด้วยชุดฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์
ศรวณีย์ ถามูลเรศ 2561. การพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกทักษะการเขียน
เชิงสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ ใช้รูปแบบการวิจัยเชิงทดลองแบบ One Group Pre-test Post-test Designs มีวัตถุประสงค์เพื่อ พัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ และศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์
กลุ่มเป้าหมายเป็น นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนหนองมะเขือหนองตานา ตำบล หนองขาม อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ กองการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม องค์การบริหารส่วนตำบลหนองขาม ที่กำลังศึกษาอยู่ใน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 1 ห้องเรียน นักเรียนจำนวน 8 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling)
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1) เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง ได้แก่ คู่มือครู ประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้การเขียนเชิงสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 26 แผน ใช้เวลาเรียน 26 ชั่วโมง และชุดฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 4 ชุด 2) เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินประสิทธิภาพของกิจกรรมการเรียนรู้ ได้แก่ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเขียนเชิงสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เป็นแบบอัตนัย แบ่งเป็น 4 ตอน คือ ตอนที่ 1 การเขียนคำ ตอนที่ 2 การเขียนประโยค ตอนที่ 3 การเขียนข้อความ ตอนที่ 4 การเขียนเรื่องราว จำนวน 7 ข้อ ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าสถิติ ค่าร้อยละ และค่าเฉลี่ย
ผลการวิจัยพบว่า
1. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 ที่ตั้งไว้ จากการทดลองพบว่า นักเรียนกลุ่มเป้าหมาย ได้ค่าประสิทธิภาพ E1/E2 เท่ากับ 85.43/84.50
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากการทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเขียนเชิงสร้างสรรค์ หลังเรียนด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีความพึงพอใจที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมากที่สุด
โดยสรุป การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพเหมาะสม ครูผู้สอนจึงควรนำการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ จะช่วยให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น
เชิงสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ ใช้รูปแบบการวิจัยเชิงทดลองแบบ One Group Pre-test Post-test Designs มีวัตถุประสงค์เพื่อ พัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ และศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์
กลุ่มเป้าหมายเป็น นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนหนองมะเขือหนองตานา ตำบล หนองขาม อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ กองการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม องค์การบริหารส่วนตำบลหนองขาม ที่กำลังศึกษาอยู่ใน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 1 ห้องเรียน นักเรียนจำนวน 8 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling)
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1) เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง ได้แก่ คู่มือครู ประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้การเขียนเชิงสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 26 แผน ใช้เวลาเรียน 26 ชั่วโมง และชุดฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 4 ชุด 2) เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินประสิทธิภาพของกิจกรรมการเรียนรู้ ได้แก่ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเขียนเชิงสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เป็นแบบอัตนัย แบ่งเป็น 4 ตอน คือ ตอนที่ 1 การเขียนคำ ตอนที่ 2 การเขียนประโยค ตอนที่ 3 การเขียนข้อความ ตอนที่ 4 การเขียนเรื่องราว จำนวน 7 ข้อ ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าสถิติ ค่าร้อยละ และค่าเฉลี่ย
ผลการวิจัยพบว่า
1. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 ที่ตั้งไว้ จากการทดลองพบว่า นักเรียนกลุ่มเป้าหมาย ได้ค่าประสิทธิภาพ E1/E2 เท่ากับ 85.43/84.50
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากการทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเขียนเชิงสร้างสรรค์ หลังเรียนด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีความพึงพอใจที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมากที่สุด
โดยสรุป การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพเหมาะสม ครูผู้สอนจึงควรนำการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ จะช่วยให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น