การพัฒนารูปแบบการบริหารงานวิชาการ เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์การเรียน
ผู้วิจัย ผ่องพรรณ ปินตาแสน ปีการศึกษา 2561
บทคัดย่อ
การวิจัยเรื่อง การพัฒนารูปแบบการบริหารงานวิชาการ เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนทั้งระบบ โรงเรียนเทศบาล ๗ ฝั่งหมิ่น จังหวัดเชียงราย มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานและแนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้เป็นพื้นฐานในการสังเคราะห์ พัฒนารูปแบบการบริหารงานวิชาการ เพื่อยกระดับผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียนทั้งระบบ โรงเรียนเทศบาล ๗ ฝั่งหมิ่น จังหวัดเชียงราย 2) เพื่อพัฒนาและตรวจสอบความเหมาะสม เป็นไปได้ ของรูปแบบการบริหารงานวิชาการ เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนทั้งระบบ โรงเรียน เทศบาล ๗ ฝั่งหมิ่น จังหวัดเชียงราย 3) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนทั้งระบบ จากการใช้รูปแบบการบริหารงานวิชาการ โรงเรียนเทศบาล ๗ ฝั่งหมิ่น จังหวัดเชียงราย และ 4) เพื่อ ศึกษาความพึงพอใจของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่มีต่อรูปแบบการบริหารงานวิชาการ เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนของนักเรียนทั้งระบบ โรงเรียนเทศบาล ๗ ฝั่งหมิ่น จังหวัดเชียงราย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ ในการวิจัย แบ่งออกเป็น 4 ระยะ ตามลักษณะการเก็บข้อมูล ดังนี้ ระยะที่ 1 การวิเคราะห์และ สังเคราะห์เอกสาร แนวคิด ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group) คือ ผู้อ านวยการสถานศึกษา สังกัดเทศบาลนครเชียงราย จ านวน ๖ คน โดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ระยะที่ 2 การพัฒนาและตรวจสอบรูปแบบการบริหารงานวิชาการ แบ่งเป็น 2 ขั้นตอน คือ2.1) การตรวจสอบความเที่ยงตรงและความสอดคล้องของร่างรูปแบบการ บริหารงานวิชาการ โดยผู้เชี่ยวชาญ จ านวน 5 คน และ 2.2) การตรวจสอบความเหมาะสม ความเป็นไปได้ และการใช้ประโยชน์ของร่างรูปแบบการบริหารงานวิชาการ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ ประกอบด้วย ผู้อ านวยการสถานศึกษา สังกัดเทศบาลนครเชียงราย จ านวน 6 คน รองผู้อ านวยการ สถานศึกษา สังกัดเทศบาลนครเชียงราย จ านวน 10 คน และครูผู้สอน สังกัดเทศบาลนครเชียงราย จ านวน 180 คน สุ่มตัวอย่างโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) ระยะที่ 3 การน า รูปแบบการบริหารงานวิชาการไปใช้ ระยะที่ 4 การประเมินผลและแก้ไข รับรองและเผยแพร่รูปแบบ การบริหารงานวิชาการ และกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ ประกอบด้วย ผู้อ านวยการสถานศึกษา โรงเรียนเทศบาล ๗ ฝั่งหมิ่น จ านวน 1 คน รองผู้อ านวยการสถานศึกษา โรงเรียนเทศบาล ๗ ฝั่งหมิ่น จ านวน 1 คน ครูผู้สอน โรงเรียนเทศบาล ๗ ฝั่งหมิ่น จ านวน 24 คน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล ๗ ฝั่งหมิ่น จ านวน 86 คน และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล ๗ ฝั่งหมิ่น จ านวน 85 คน โดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบ วิเคราะห์ข้อมูล แบบสอบถามความคิดเห็น แบบเก็บข้อมูลผลการทดสอบปลายภาคของนักเรียน และแบบสอบถามความพึงพอใจ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)
ผลการวิจัยพบว่า 1. ผลการศึกษาวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานและแนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้เป็น พื้นฐานในการสังเคราะห์พัฒนารูปแบบการบริหารงานวิชาการ เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนทั้งระบบ โรงเรียนเทศบาล ๗ ฝั่งหมิ่น จังหวัดเชียงราย พบว่า การจัดการศึกษาทุกระดับ ต้องสร้างความร่วมมือกันในทุกภาคส่วน โดยการพัฒนาการศึกษาต้องสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง ของโลกศตวรรษที่ 21 รองรับ Thailand 4.0 การจัดการศึกษาต้องยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง จัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความต้องการของผู้เรียน พร้อมทั้งปลูกฝัง คุณธรรมจริยธรรม ด้านการบริหารงานวิชาการในสถานศึกษา ผู้บริหารต้องใช้ทั้งหลักประสิทธิภาพและ ประสิทธิผล ค านึงถึงคุณภาพของผู้เรียนเป็นหลัก และต้องค านึงถึงบุคลากรซึ่งเป็นผู้มีบทบาทส าคัญใน กระบวนการบริหาร โดยให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการบริหาร มีกระบวนการประกันคุณภาพการศึกษา ทั้งการควบคุมคุณภาพ การตรวจสอบคุณภาพ และการประเมินผล เพื่อพัฒนาสถานศึกษาสู่ความเป็น เลิศทางวิชาการ เป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ และมีศักยภาพเป็นที่ยอมรับของสังคม ในระดับสากล 2. รูปแบบการบริหารงานวิชาการ เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ทั้งระบบ โรงเรียนเทศบาล ๗ ฝั่งหมิ่น จังหวัดเชียงราย ที่พัฒนาขึ้น มีชื่อว่า "F Plus 4 Learning Model" ประกอบด้วย หลักการ วัตถุประสงค์ กระบวนการบริหารงานวิชาการ 4 องค์ประกอบ คือ องค์ประกอบที่ 1 (F1) : หลักการพัฒนาคุณภาพสู่เป้าหมายแห่งการเรียนรู้ องค์ประกอบที่ 2 (F2) : การก าหนดโครงสร้างองค์การแห่งการเรียนรู้ตามหลักความเป็นวิชาการ องค์ประกอบที่ 3 (F3) : การปฏิบัติการสอนเพื่อผลของการเรียนรู้ และองค์ประกอบที่ 4 (F4) : การ ตรวจสอบผลของการเรียนรู้ ผลการตรวจสอบความเหมาะสม เป็นไปได้ ของรูปแบบการบริหารงาน วิชาการ แบบ "F Plus 4 Learning Model" พบว่า ในภาพรวมมีความเหมาะสม เป็นไปได้อยู่ใน ระดับมาก และผลการตรวจสอบความสอดคล้องของรูปแบบการบริหารงานวิชาการ แบบ "F Plus 4 Learning Model" โดยผู้เชี่ยวชาญ พบว่า มีค่าดัชนีความสอดคล้องอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ ( 0.50) 3. หลังการใช้รูปแบบการบริหารงานวิชาการ แบบ "F Plus 4 Learning Model" พบว่า ในปีการศึกษา 2561 โดยเฉลี่ยนักเรียนโรงเรียนเทศบาล ๗ ฝั่งหมิ่น จังหวัดเชียงราย ร้อยละ 88.90 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับดี (3) ขึ้นไป 4. ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมีความพึงพอใจต่อรูปแบบการบริหารงานวิชาการ เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนของนักเรียนทั้งระบบ โรงเรียนเทศบาล ๗ ฝั่งหมิ่น จังหวัดเชียงราย แบบ "F Plus 4 Learning Model" โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก