การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ เรื่อง บทประยุกต์
ชื่อเรื่อง การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ เรื่อง บทประยุกต์
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ผู้วิจัย นายธนภณ ธัญญนิมมาน
หน่วยงาน โรงเรียนเทศบาล ๔ (วัดบำรุงธรรม)
บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อสร้างและพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ เรื่อง บทประยุกต์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ให้มีประสิทธิภาพ 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง บทประยุกต์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถม-ศึกษาปีที่ 6 ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อการใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ เรื่อง บทประยุกต์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/2 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 33 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ แบบทดสอบ วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบสอบถามความพึงพอใจ ผ่านการตรวจสอบคุณภาพ สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ สถิติพื้นฐาน คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และสถิติที่ทดสอบสมมติฐาน คือ ประสิทธิภาพ (E1/E2) และ t-test ผลการวิจัย พบว่า 1) หนังสือส่งเสริมการอ่านนิทานภาษาไทย มีค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด คือ 80.00/80.00 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าคะแนนก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 3) ความพึงพอใจที่มีต่อกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ผู้วิจัย นายธนภณ ธัญญนิมมาน
หน่วยงาน โรงเรียนเทศบาล ๔ (วัดบำรุงธรรม)
บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อสร้างและพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ เรื่อง บทประยุกต์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ให้มีประสิทธิภาพ 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง บทประยุกต์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถม-ศึกษาปีที่ 6 ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อการใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ เรื่อง บทประยุกต์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/2 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 33 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ แบบทดสอบ วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบสอบถามความพึงพอใจ ผ่านการตรวจสอบคุณภาพ สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ สถิติพื้นฐาน คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และสถิติที่ทดสอบสมมติฐาน คือ ประสิทธิภาพ (E1/E2) และ t-test ผลการวิจัย พบว่า 1) หนังสือส่งเสริมการอ่านนิทานภาษาไทย มีค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด คือ 80.00/80.00 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าคะแนนก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 3) ความพึงพอใจที่มีต่อกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด