การพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ ๗ ขั้น
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายของการวิจัยเพื่อ ๑) พัฒนาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ ๗ ขั้น กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง แสงและการมองเห็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ ๘๐/๘๐ ๒) หาค่าดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ ๗ ขั้น กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง แสงและการมองเห็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ๓) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ที่เรียนโดยใช้แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ ๗ ขั้น กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง แสงและการมองเห็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน ๔) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ ๗ ขั้น กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง แสงและการมองเห็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒/๒ โรงเรียนนาข่าวิทยาคม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๑ จำนวน ๓๒ คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้วิธีการจับสลากและใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยการสุ่ม (Sampling Unit) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย ๑) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ ๗ ขั้น กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น จำนวน ๑๐ แผน ใช้เวลาสอนแผนละ ๒ ชั่วโมง ๒) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง แสงและการมองเห็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ แบบปรนัยชนิดเลือกตอบ ๔ ตัวเลือก จำนวน ๓๐ ข้อ ค่าความยากง่าย (p) ตั้งแต่ ๐.๓๐ - ๐.๗๖ ค่าอำนาจจำแนก (B) ตั้งแต่ ๐.๒๑ - ๐.๗๓ และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ ๐.๘๗ และ ๓) แบบวัดความพึงพอใจ จำนวน ๒๐ ข้อ มีอำนาจจำแนกรายข้อ (rxy) ตั้งแต่ ๐.๒๖ – ๐.๗๙ และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ ๐.๙๒ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบด้วย t-test (Dependent Sample)
ผลการวิจัยพบว่า
๑. แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ ๗ ขั้น กลุ่มสาระการเรียนรู้
วิทยาศาสตร์ เรื่อง แสงและการมองเห็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ มีประสิทธิภาพ (E๑/E๒) เท่ากับ ๘๔.๐๓/๘๓.๔๔ ซึ่งถือว่า แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ ๘๐/๘๐ ที่ตั้งไว้
๒. ดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ ๗ ขั้น
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง แสงและการมองเห็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ มีค่าดัชนีประสิทธิผล เท่ากับ ๐.๗๕๒๐ ซึ่งแสดงว่า นักเรียนที่เรียนโดยใช้แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
แบบสืบเสาะหาความรู้ ๗ ขั้น กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง แสงและการมองเห็น
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ มีความก้าวหน้าทางการเรียนคิดเป็นร้อยละ ๗๕.๒๐
๓. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ที่เรียนโดยใช้แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ
สืบเสาะหาความรู้ ๗ ขั้น กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง แสงและการมองเห็น มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๕
๔. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะ
หาความรู้ ๗ ขั้น กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง แสงและการมองเห็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก