การพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ โดยใช้การเรียนรู้แบบ
ชื่อรายงาน การพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ โดยใช้การเรียนรู้แบบสมองเป็นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕
ชื่อผู้ศึกษา กนกลักษณ์ มีงาม
สถานที่ศึกษา โรงเรียนเทศบาล ๒ (บ้านหาดใหญ่) เทศบาลนครหาดใหญ่
ปีการศึกษา ๒๕๖๑
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ ๑) เพื่อสร้างและพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ โดยใช้การเรียนรู้แบบสมองเป็นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ ๘๐/๘๐ ๒) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ โดยใช้การเรียนรู้แบบสมองเป็นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ๓) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ โดยใช้การเรียนรู้แบบสมองเป็นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถม ศึกษาปีที่ ๕ และ ๔) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ โดยใช้การเรียนรู้แบบสมองเป็นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถม ศึกษาปีที่ ๕ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕/๕ โรงเรียนเทศบาล ๒ (บ้านหาดใหญ่) เทศบาลนครหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๑ จำนวน ๔๑ คน ได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม (cluster random sampling) โดยมีห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ จำนวน ๖ เล่ม แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน ๒๑ แผน ๒๑ ชั่วโมง แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนชนิดเลือกตอบ ๔ ตัวเลือก จำนวน ๓๐ ข้อ มีค่าความเชื่อมั่น ๐.๘๖ และแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า ๕ ระดับ จำนวน ๑๐ ข้อ มีค่าความเชื่อมั่น ๐.๘๓ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเปรียบเทียบกลุ่มตัวอย่างที่ไม่มีความเป็นอิสระต่อกัน (t-test Dependent Samples)
ผลการศึกษา พบว่า
๑. แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์โดยใช้การเรียนรู้แบบสมองเป็นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ มีค่าประสิทธิภาพ เท่ากับ ๘๓.๔๔/๘๓.๑๗ ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ ที่กำหนด ๘๐/๘๐
๒.กผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ โดยใช้การเรียนรู้แบบสมองเป็นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๑
๓.กดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ โดยใช้การเรียนรู้แบบสมองเป็นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ มีค่าเท่ากับ ๐.๗๔๐๖ แสดงว่าหลังจากเรียนรู้ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะดังกล่าว นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น ๐.๗๔๐๖ หรือคิดเป็นร้อยละ ๗๔.๐๖ ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ ๐.๗๐ ที่ตั้งไว้
๔.กความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ โดยใช้การเรียนรู้แบบสมองเป็นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ โดยรวม อยู่ในระดับมาก ( = ๔.๕๘ S.D. = ๐.๒๑)
ชื่อผู้ศึกษา กนกลักษณ์ มีงาม
สถานที่ศึกษา โรงเรียนเทศบาล ๒ (บ้านหาดใหญ่) เทศบาลนครหาดใหญ่
ปีการศึกษา ๒๕๖๑
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ ๑) เพื่อสร้างและพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ โดยใช้การเรียนรู้แบบสมองเป็นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ ๘๐/๘๐ ๒) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ โดยใช้การเรียนรู้แบบสมองเป็นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ๓) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ โดยใช้การเรียนรู้แบบสมองเป็นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถม ศึกษาปีที่ ๕ และ ๔) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ โดยใช้การเรียนรู้แบบสมองเป็นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถม ศึกษาปีที่ ๕ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕/๕ โรงเรียนเทศบาล ๒ (บ้านหาดใหญ่) เทศบาลนครหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๑ จำนวน ๔๑ คน ได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม (cluster random sampling) โดยมีห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ จำนวน ๖ เล่ม แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน ๒๑ แผน ๒๑ ชั่วโมง แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนชนิดเลือกตอบ ๔ ตัวเลือก จำนวน ๓๐ ข้อ มีค่าความเชื่อมั่น ๐.๘๖ และแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า ๕ ระดับ จำนวน ๑๐ ข้อ มีค่าความเชื่อมั่น ๐.๘๓ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเปรียบเทียบกลุ่มตัวอย่างที่ไม่มีความเป็นอิสระต่อกัน (t-test Dependent Samples)
ผลการศึกษา พบว่า
๑. แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์โดยใช้การเรียนรู้แบบสมองเป็นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ มีค่าประสิทธิภาพ เท่ากับ ๘๓.๔๔/๘๓.๑๗ ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ ที่กำหนด ๘๐/๘๐
๒.กผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ โดยใช้การเรียนรู้แบบสมองเป็นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๑
๓.กดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ โดยใช้การเรียนรู้แบบสมองเป็นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ มีค่าเท่ากับ ๐.๗๔๐๖ แสดงว่าหลังจากเรียนรู้ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะดังกล่าว นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น ๐.๗๔๐๖ หรือคิดเป็นร้อยละ ๗๔.๐๖ ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ ๐.๗๐ ที่ตั้งไว้
๔.กความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ โดยใช้การเรียนรู้แบบสมองเป็นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ โดยรวม อยู่ในระดับมาก ( = ๔.๕๘ S.D. = ๐.๒๑)