รายงานผลการพัฒนาผลสัมฤทธิ์การอ่านด้วยแบบฝึกพัฒนาทักษะการอ่าน
ชื่อเรื่อง รายงานผลการพัฒนาผลสัมฤทธิ์การอ่านด้วยแบบฝึกพัฒนาทักษะ
การอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้วิธีการสอนอ่าน
แบบบูรณาการของเมอร์ดอค (MIA) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
โรงเรียนนาหมื่นพิทยาคม อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน
ผู้วิจัย ประทุม บัวแก้ว
ปีที่วิจัย 2560
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของแบบฝึกพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้วิธีการสอนอ่านแบบบูรณาการของเมอร์ดอค (MIA) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก่อนและหลังการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ
โดยใช้วิธีการสอนอ่านแบบบูรณาการของเมอร์ดอค (MIA) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้วิธีการสอนอ่านแบบบูรณาการของเมอร์ดอค (MIA) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ประชากรกลุ่มเป้าหมายในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนนาหมื่นพิทยาคม อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่านจำนวน 72 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แบบฝึกพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้วิธีการสอนอ่านแบบบูรณาการของเมอร์ดอค (MIA) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 6 เล่ม 2) แผนการจัดการเรียนรู้เป็นแผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาอังกฤษเพิ่มเติม รหัส อ22201 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 6 แผนการเรียนรู้ ใช้เวลาในการจัดการเรียนรู้ รวม 18 ชั่วโมง 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนด้วยแบบฝึกพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้วิธีการสอนอ่านแบบบูรณาการของเมอร์ดอค (MIA) 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยแบบฝึกพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้วิธีการสอนอ่านแบบบูรณาการของเมอร์ดอค (MIA) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เก็บรวบรวมข้อมูลภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2650 ถึงวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2560 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย (X ̅) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการทดสอบด้วยสถิติ t-test for dependent samples
ผลการวิจัยพบว่า
แบบฝึกพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้วิธีการสอนอ่านแบบบูรณาการของเมอร์ดอค (MIA) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 ที่ตั้งไว้
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนด้วยแบบฝึกพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้วิธีการสอนอ่านแบบบูรณาการของเมอร์ดอค (MIA) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 สูงกว่าก่อนเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้วิธีการสอนอ่านแบบบูรณาการของเมอร์ดอค (MIA) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.68 และมีค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 0.48
การอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้วิธีการสอนอ่าน
แบบบูรณาการของเมอร์ดอค (MIA) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
โรงเรียนนาหมื่นพิทยาคม อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน
ผู้วิจัย ประทุม บัวแก้ว
ปีที่วิจัย 2560
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของแบบฝึกพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้วิธีการสอนอ่านแบบบูรณาการของเมอร์ดอค (MIA) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก่อนและหลังการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ
โดยใช้วิธีการสอนอ่านแบบบูรณาการของเมอร์ดอค (MIA) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้วิธีการสอนอ่านแบบบูรณาการของเมอร์ดอค (MIA) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ประชากรกลุ่มเป้าหมายในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนนาหมื่นพิทยาคม อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่านจำนวน 72 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แบบฝึกพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้วิธีการสอนอ่านแบบบูรณาการของเมอร์ดอค (MIA) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 6 เล่ม 2) แผนการจัดการเรียนรู้เป็นแผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาอังกฤษเพิ่มเติม รหัส อ22201 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 6 แผนการเรียนรู้ ใช้เวลาในการจัดการเรียนรู้ รวม 18 ชั่วโมง 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนด้วยแบบฝึกพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้วิธีการสอนอ่านแบบบูรณาการของเมอร์ดอค (MIA) 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยแบบฝึกพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้วิธีการสอนอ่านแบบบูรณาการของเมอร์ดอค (MIA) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เก็บรวบรวมข้อมูลภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2650 ถึงวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2560 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย (X ̅) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการทดสอบด้วยสถิติ t-test for dependent samples
ผลการวิจัยพบว่า
แบบฝึกพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้วิธีการสอนอ่านแบบบูรณาการของเมอร์ดอค (MIA) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 ที่ตั้งไว้
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนด้วยแบบฝึกพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้วิธีการสอนอ่านแบบบูรณาการของเมอร์ดอค (MIA) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 สูงกว่าก่อนเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้วิธีการสอนอ่านแบบบูรณาการของเมอร์ดอค (MIA) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.68 และมีค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 0.48