บทคัดย่อ
รายงานผลใช้เอกสารประกอบการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรื่องพระพุทธศาสนา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
รายงานผลการใช้เอกสารประกอบการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่องพระพุทธศาสนา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านบึงมาลย์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากำแพงเพชร เขต 1 มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อหาประสิทธิภาพของเอกสารประกอบการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรื่องพระพุทธศาสนา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรื่องพระพุทธศาสนา ก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการสอนโดยใช้เอกสารประกอบการเรียน 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการจัดกิจกรรม การเรียนการสอนโดยใช้เอกสารประกอบการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรื่องพระพุทธศาสนา
กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษาได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านบึงมาลย์สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากำแพงเพชร เขต 1 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 19 คนได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (purposive sampling) เครื่องมือ ที่ใช้ในการศึกษาได้แก่ เอกสารประกอบการเรียน จำนวน 8 เล่ม แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นแบบทดสอบแบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก โดยผู้รายงานได้สร้างขึ้นจำนวน 42 ข้อนำไปตรวจสอบคุณภาพแล้วคัดแบบทดสอบที่อยู่ในเกณฑ์ไว้จำนวน 30 ข้อ โดยตรวจสอบคุณภาพของแบบทดสอบโดยการวิเคราะห์ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ค่าอำนาจจำแนก ( r ) ค่าความยากง่าย ( p ) และหาค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบโดยใช้วิธีของคูเดอร์ ริชาร์ดสัน KR-20 แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียน จำนวน 15 ข้อ และวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าร้อยละ ในการศึกษาครั้งนี้ใช้แบบแผนการศึกษา กลุ่มทดลองกลุ่มเดียววัดผลก่อนและหลังการทดลอง (One-Group Pretest - Posttest Design) ผลการศึกษาเป็นดังนี้
1. เอกสารประกอบการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่องพระพุทธศาสนา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 8 เล่มที่ผู้รายงานสร้างขึ้นมีประสิทธิภาพ 85.18/ 84.39 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ คือ E1/ E2= 80/80
2. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรื่องพระพุทธศาสนา ก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้เอกสารประกอบการเรียน พบว่าแตกต่างกันโดยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภายหลังการเรียนโดยใช้เอกสารประกอบการเรียนของนักเรียนทั้ง 8 เล่ม ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 25.32 คิดเป็นร้อยละ 84.39 สูงกว่าก่อนเรียนค่าเฉลี่ยเท่ากับ 13.63 คิดเป็นร้อยละ 45.44 ค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 38.95 และผลการเปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียนและคะแนนหลังเรียนโดยใช้เอกสารประกอบการเรียนในแต่ละเล่มพบว่ามีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน สูงกว่าคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนทุกเล่ม
3. ระดับความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อเอกสารประกอบการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรื่องพระพุทธศาสนา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( µ = 4.80 ) เป็นไปตามสมมติฐานข้อที่ 3
นายอัศวิน วังแผน (ครูเก่ง)
25 พฤศจิกายน 2562
รายงานผลการใช้เอกสารประกอบการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่องพระพุทธศาสนา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านบึงมาลย์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากำแพงเพชร เขต 1 มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อหาประสิทธิภาพของเอกสารประกอบการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรื่องพระพุทธศาสนา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรื่องพระพุทธศาสนา ก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการสอนโดยใช้เอกสารประกอบการเรียน 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการจัดกิจกรรม การเรียนการสอนโดยใช้เอกสารประกอบการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรื่องพระพุทธศาสนา
กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษาได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านบึงมาลย์สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากำแพงเพชร เขต 1 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 19 คนได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (purposive sampling) เครื่องมือ ที่ใช้ในการศึกษาได้แก่ เอกสารประกอบการเรียน จำนวน 8 เล่ม แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นแบบทดสอบแบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก โดยผู้รายงานได้สร้างขึ้นจำนวน 42 ข้อนำไปตรวจสอบคุณภาพแล้วคัดแบบทดสอบที่อยู่ในเกณฑ์ไว้จำนวน 30 ข้อ โดยตรวจสอบคุณภาพของแบบทดสอบโดยการวิเคราะห์ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ค่าอำนาจจำแนก ( r ) ค่าความยากง่าย ( p ) และหาค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบโดยใช้วิธีของคูเดอร์ ริชาร์ดสัน KR-20 แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียน จำนวน 15 ข้อ และวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าร้อยละ ในการศึกษาครั้งนี้ใช้แบบแผนการศึกษา กลุ่มทดลองกลุ่มเดียววัดผลก่อนและหลังการทดลอง (One-Group Pretest - Posttest Design) ผลการศึกษาเป็นดังนี้
1. เอกสารประกอบการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่องพระพุทธศาสนา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 8 เล่มที่ผู้รายงานสร้างขึ้นมีประสิทธิภาพ 85.18/ 84.39 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ คือ E1/ E2= 80/80
2. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรื่องพระพุทธศาสนา ก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้เอกสารประกอบการเรียน พบว่าแตกต่างกันโดยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภายหลังการเรียนโดยใช้เอกสารประกอบการเรียนของนักเรียนทั้ง 8 เล่ม ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 25.32 คิดเป็นร้อยละ 84.39 สูงกว่าก่อนเรียนค่าเฉลี่ยเท่ากับ 13.63 คิดเป็นร้อยละ 45.44 ค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 38.95 และผลการเปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียนและคะแนนหลังเรียนโดยใช้เอกสารประกอบการเรียนในแต่ละเล่มพบว่ามีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน สูงกว่าคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนทุกเล่ม
3. ระดับความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อเอกสารประกอบการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรื่องพระพุทธศาสนา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( µ = 4.80 ) เป็นไปตามสมมติฐานข้อที่ 3
นายอัศวิน วังแผน (ครูเก่ง)
25 พฤศจิกายน 2562