รายงานการใช้แบบฝึกกิจกรรมการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ เรื่อง อสมการ
ชื่อรายงาน รายงานการใช้แบบฝึกกิจกรรมการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ เรื่อง อสมการ โดยใช้รูปแบบการสอนแบบ 4 MAT กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ผู้ศึกษา นางสาวไลลา สะมะแอ
สถานศึกษา โรงเรียนพัฒนาบาลอ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เขต 1 จังหวัดยะลา
ปีการศึกษา 2561
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อพัฒนาแบบฝึกกิจกรรมการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ เรื่อง อสมการ โดยใช้รูปแบบการสอนแบบ 4 MAT กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกกิจกรรมการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ เรื่อง อสมการ โดยใช้รูปแบบการสอนแบบ 4 MAT กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ (3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกกิจกรรม การพัฒนาการจัดการเรียนรู้ เรื่อง อสมการ โดยใช้รูปแบบการสอนแบบ 4 MAT กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ นักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนพัฒนาบาลอ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 1ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 19 คนได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling)
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ (1) แบบฝึกกิจกรรมการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ เรื่อง อสมการ โดยใช้รูปแบบการสอนแบบ 4 MAT กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 11 ชุด (2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง อสมการ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งเป็นแบบทดสอบแบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ และ (3) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกกิจกรรมการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ เรื่อง อสมการ โดยใช้รูปแบบการสอนแบบ 4 MAT กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าดัชนีความสอดคล้อง ค่าความยากง่าย ค่าอำนาจจำแนก ค่าความเชื่อมั่น การหาค่าประสิทธิภาพของแบบฝึกกิจกรรมตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ และสถิติทดสอบค่าที (t-test) แบบกลุ่มตัวอย่างไม่เป็นอิสระจากกัน (Dependent Samples)
ผลการศึกษาพบว่า
1. แบบฝึกกิจกรรมการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ เรื่อง อสมการ โดยใช้รูปแบบการสอนแบบ 4 MAT กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 82.20/82.89
2. นักเรียนชั้นที่เรียนด้วยแบบฝึกกิจกรรมการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ เรื่อง อสมการ โดยใช้รูปแบบการสอนแบบ 4 MAT กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. นักเรียนชั้นมีความพึงพอใจต่อแบบฝึกกิจกรรมการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ เรื่อง อสมการ โดยใช้รูปแบบการสอนแบบ 4 MAT กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 อยู่ในระดับพอใจมาก
ข้อเสนอแนะ
1. ข้อเสนอแนะในการนำไปใช้
1.1 ครูผู้สอนควรศึกษารายละเอียดของแผนการจัดการเรียนรู้ให้เข้าใจก่อนนำ แบบฝึกกิจกรรมไปประยุกต์ใช้งานจริง
1.2 ครูผู้สอนควรอธิบายขั้นตอนและวิธีการใช้แบบฝึกกิจกรรมให้ชัดเจน เพื่อนักเรียนจะเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเองมากที่สุด
1.3 ครูผู้สอนควรสร้างบรรยากาศให้นักเรียนได้มีแรงจูงใจ และแรงกระตุ้นให้ตนเองเรียนรู้ไปตามสติปัญญาและความสามารถของตนเอง ไม่ควรเร่งให้นักเรียนเรียนเนื้อหาจนมากเกินไป
2. ข้อเสนอแนะเพื่อทำการศึกษาครั้งต่อไป
2.1 นำแบบฝึกกิจกรรมที่พัฒนาขึ้นไปทดลองใช้กับนักเรียนโรงเรียนอื่น ๆ เพื่อหาข้อสรุปผลการศึกษาค้นคว้าให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
2.2 ศึกษาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างการเรียนด้วยแบบฝึกกิจกรรมที่ผู้ศึกษาพัฒนาขึ้นกับวิธีการสอนแบบอื่น ๆ
ผู้ศึกษา นางสาวไลลา สะมะแอ
สถานศึกษา โรงเรียนพัฒนาบาลอ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เขต 1 จังหวัดยะลา
ปีการศึกษา 2561
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อพัฒนาแบบฝึกกิจกรรมการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ เรื่อง อสมการ โดยใช้รูปแบบการสอนแบบ 4 MAT กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกกิจกรรมการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ เรื่อง อสมการ โดยใช้รูปแบบการสอนแบบ 4 MAT กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ (3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกกิจกรรม การพัฒนาการจัดการเรียนรู้ เรื่อง อสมการ โดยใช้รูปแบบการสอนแบบ 4 MAT กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ นักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนพัฒนาบาลอ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 1ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 19 คนได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling)
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ (1) แบบฝึกกิจกรรมการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ เรื่อง อสมการ โดยใช้รูปแบบการสอนแบบ 4 MAT กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 11 ชุด (2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง อสมการ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งเป็นแบบทดสอบแบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ และ (3) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกกิจกรรมการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ เรื่อง อสมการ โดยใช้รูปแบบการสอนแบบ 4 MAT กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าดัชนีความสอดคล้อง ค่าความยากง่าย ค่าอำนาจจำแนก ค่าความเชื่อมั่น การหาค่าประสิทธิภาพของแบบฝึกกิจกรรมตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ และสถิติทดสอบค่าที (t-test) แบบกลุ่มตัวอย่างไม่เป็นอิสระจากกัน (Dependent Samples)
ผลการศึกษาพบว่า
1. แบบฝึกกิจกรรมการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ เรื่อง อสมการ โดยใช้รูปแบบการสอนแบบ 4 MAT กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 82.20/82.89
2. นักเรียนชั้นที่เรียนด้วยแบบฝึกกิจกรรมการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ เรื่อง อสมการ โดยใช้รูปแบบการสอนแบบ 4 MAT กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. นักเรียนชั้นมีความพึงพอใจต่อแบบฝึกกิจกรรมการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ เรื่อง อสมการ โดยใช้รูปแบบการสอนแบบ 4 MAT กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 อยู่ในระดับพอใจมาก
ข้อเสนอแนะ
1. ข้อเสนอแนะในการนำไปใช้
1.1 ครูผู้สอนควรศึกษารายละเอียดของแผนการจัดการเรียนรู้ให้เข้าใจก่อนนำ แบบฝึกกิจกรรมไปประยุกต์ใช้งานจริง
1.2 ครูผู้สอนควรอธิบายขั้นตอนและวิธีการใช้แบบฝึกกิจกรรมให้ชัดเจน เพื่อนักเรียนจะเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเองมากที่สุด
1.3 ครูผู้สอนควรสร้างบรรยากาศให้นักเรียนได้มีแรงจูงใจ และแรงกระตุ้นให้ตนเองเรียนรู้ไปตามสติปัญญาและความสามารถของตนเอง ไม่ควรเร่งให้นักเรียนเรียนเนื้อหาจนมากเกินไป
2. ข้อเสนอแนะเพื่อทำการศึกษาครั้งต่อไป
2.1 นำแบบฝึกกิจกรรมที่พัฒนาขึ้นไปทดลองใช้กับนักเรียนโรงเรียนอื่น ๆ เพื่อหาข้อสรุปผลการศึกษาค้นคว้าให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
2.2 ศึกษาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างการเรียนด้วยแบบฝึกกิจกรรมที่ผู้ศึกษาพัฒนาขึ้นกับวิธีการสอนแบบอื่น ๆ